กองปราบ บุกรวบ"จ.ส.ต."ตุ๋นเหยื่อลวงขายที่ดิน

เมื่อวันที่ 16 มี.ค. มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปราม นำกำลังเข้าจับกุม ส.ต.อาทิตย์ อายุ 43 ปี อดีตทหาร ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี ในฐานความผิดร่วมกันฉ้อโกงผู้อื่นโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น, นำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ โดยน่าเกิดความเสียหายแก้ผู้อื่นหรือประชาชน ที่ร้านอาหารตามสั่ง ต.บางตาเถร อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี โดย พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รองผู้บังคับการกองปราบปราม เปิดเผยว่า คดีนี้เกิดขึ้นเมื่อเดือน ก.ย.2563 ผู้ต้องหาพร้อมพวกแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่กรมบังคับคดี ร่วมกันหลอกลวงผู้เสียหาย โดยเสนอขายที่ดินพิทักษ์ทรัพย์จากกรมบังคับคดี ในราคาที่ถูกกว่าความเป็นจริง โดย ส.ต.อาทิตย์ มีหน้าที่เป็นนายหน้า โดยจะอ้างว่าสามารถจัดซื้อที่ดินจากกรมบังคับคดีได้ถูกกว่าราคาทั่วไป เพื่อจูงใจผู้เสียหาย พร้อมให้ผู้ร่วมขบวนการทำเอกสารปลอมจากกรมบังคับคดีขึ้นมา ก่อนนำไปแสดงให้ผู้เสียหายดูเพื่อให้เกิดความหน้าเชื่อถือ จนมีผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินกว่า 10 ล้านบาท ซึ่งหลังจากโอนเงินแล้วไม่สามารถติดต่อได้อีกเลย

พ.ต.อ.พรศักดิ์ กล่าวอีกว่า จนกระทั่งเมื่อวันที่ 15 มี.ค.ที่่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ทำการสืบสวนจนทราบว่า ผู้ต้องหาจะเดินทางไปในพื้นที่ ต.บางตาเถร อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี จึงลงพื้นที่ตรวจสอบก่อนจับกุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนนทบุรี เพื่อให้ดำเนินคดีไปตามกฎหมาย เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าเป็นายหน้าติดต่อซื้อขายกับผู้เสียหายเท่านั้น ส่วนเรื่องการปลอมแปลงเอกสารอาศัยจากความสนใจส่วนตัว ส่วนจะมีเจ้าหน้าที่กรมบังคับคดี เกี่ยวข้องด้วยหรือไม่นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ

ด้าน พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ ผู้บังคับการกองบังคับการ 1 กองบังคับการปราบปราม ย้ำเตือนภัยประชาชนโดยให้ดูเคสนี้เป็นตัวอย่าง กรณีมีบุคคลอ้างว่าเป็นนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ของกรมบังคับคดี ทั้งนี้ขอให้ตรวจสอบให้ละเอียด หรือประสานไปยังสำนักงานกรมบังคับคดี 1111 เพื่อขอความชัดเจนก่อรตัดสินใจ เพราะอาจเป็นมิจฉาชีพแฝงตัวเข้ามาหลอกลวงได้ ย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบผู้ต้องหายังมีหมายจับค้างเก่าอีก 3 หมายจับ คือ หมายจับศาลแขวงนนทบุรี ในฐานความผิดฉ้อโกง, หมายจับศาลจังหวัดระยอง ในความผิดฐานลักทรัพย์ โดยร่วมกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป และหมายจับศาลจังหวัดนครราชสีมา ในความผิดฐานร่วมกันปลอมและใช้เอกสารปลอมและร่วมกันใช้ยานพาหนะเพื่อความสะดวกแก่การกระทำผิด