รัฐบาลทหารเมียนมาประกาศขยายพื้นที่กฎอัยการศึก ใน 2 เมืองใหญ่สุดของประเทศ หลังเกิดการปะทะนองเลือด และกลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านรัฐประหาร ถูกเจ้าหน้าที่ยิงเสียชีวิตประมาณ 50 คน เมื่อวันอาทิตย์ ส่วนใหญ่อยู่ในเขตอุตสาหกรรมโรงงาน แถบชานเมืองย่างกุ้ง
กลุ่มผู้ประท้วงเรียกร้องให้ปล่อยตัว นางออง ซาน ซูจี และประธานาธิบดีวิน มะหยิ่น 2 ผู้นำรัฐบาลพลเรือนพรรคสันนิบาตแห่งขาติเพื่อประชาธิปไตย (เอ็นแอลดี) ที่ถูกกองทัพนำโดย พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ยึดอำนาจ และควบคุมตัวไว้ในสถานที่ไม่เปิดเผย ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.
นางซูจีกำหนดถูกนำตัวขึ้นศาล ผ่านระบบจอภาพทางไกล เพื่อไต่สวนคดีอาญาหลายข้อหา นัดแรกในวันจันทร์ (15 มี.ค.) แต่ถูกเลื่อนออกไป เนื่องจากระบบอินเทอร์เน็ตขัดข้อง
เมื่อคืนวันอาทิตย์ รัฐบาลทหารเมียนมา ประกาศกฎอัยการศึกใน 2 เขต ชานเมืองย่างกุ้ง ที่มีการปะทะนองเลือด ระหว่างเจ้าหน้าที่ความมั่นคง กับกลุ่มผู้ประท้วง ในช่วงกลางวันก่อนหน้านั้น คือเขตหล่ายธาร์ยาร์ และเขตชะเวปะยีธา หลังจากโรงงานผลิตหลายแห่งของนักธุรกิจชาวจีน ถูกโจมตีและจุดไฟเผา
และในวันจันทร์ กฎอัยการศึกถูกขยายไปยังอีก 4 เขตของเมืองย่างกุ้ง ประกอบด้วย ดากอนเหนือ, ดากอนใต้, ดากอนสิกคัน และอ๊อกกะลาปาเหนือ และในหลายเขตของเมืองมัณฑะเลย์ เมืองใหญ่อันดับ 2 ของประเทศ ทางภาคกลางตอนบน ที่มีการชุมนุมประท้วงใหญ่
ผลของการประกาศกฎอัยการศึก จะทำให้ทหารและตำรวจมีอำนาจเต็ม ในการใช้ความเด็ดขาดรุนแรง เพื่อควบคุมสถานการณ์ และผู้ที่ถูกจับกุมจะถูกดำเนินคดีในศาลทหาร
มีรายงานการประท้วงและปะทะกับเจ้าหน้าที่ เมื่อวันจันทร์ ในเมืองมัณฑะเลย์ และอีกหลายเมือง รายงานทางวสื่อสังคมระบุว่ามีผั้ปรื้วงเสียชีวิตและบาดเจ็ฐใน 2 เมืองทางภาคกลาง คือเมืองมะยิงยานและเมืองอองลาน แต่ยังไม่สามารถระบุจำนวนได้แน่ชัด.
