โตเกียว, 10 มี.ค. (ซินหัว) — วันพุธ (10 มี.ค.) สื่อท้องถิ่นญี่ปุ่นเปิดเผยกรณีกระทรวงสาธารณสุขของญี่ปุ่นตรวจพบผู้หญิงมีอาการแพ้รุนแรงหรือแอแนฟิแล็กซิส (anaphylaxis) หลังจากฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) เพิ่มเติม 9 ราย
กระทรวงฯ และหน่วยงานท้องถิ่นระบุว่าสถานพยาบาลญี่ปุ่นรายงานการตรวจพบบุคลากรการแพทย์หญิง อายุ 20-50 ปี มีอาการแพ้รุนแรงหลังฉีดวัคซีนของไฟเซอร์/ไบออนเทค (Pfizer/BioNTech) เมื่อวันจันทร์ (8 มี.ค.) โดยขณะนี้ทั้งหมดมีอาการดีขึ้นแล้ว
ขณะเดียวกันทางการกำหนดให้มีการตรวจสอบนำโดยคณะผู้เชี่ยวชาญของกระทรวงฯ เพื่อตรวจสอบว่าวัคซีนของไฟเซอร์มีส่วนทำให้บุคลากรการแพทย์กลุ่มดังกล่าวมีอาการช็อกจากการแพ้อย่างรุนแรงหรือไม่
ทั้งนี้ กระทรวงฯ และสื่อท้องถิ่นรายงานว่าญี่ปุ่นฉีดวัคซีนให้บุคลากรการแพทย์แล้ว 107,558 คน เมื่อนับถึง 17.00 น. ของวันอังคาร (9 มี.ค.) โดยพบอาการแพ้รุนแรงในผู้หญิง 17 คน
สถานีโทรทัศน์เอ็นเอชเค (NHK) กล่าวว่าสัดส่วนของผู้มีอาการช็อกจากการแพ้อย่างรุนแรงหลังรับวัคซีนของไฟเซอร์อยู่ที่ประมาณ 1 ใน 6,300 คน คิดเป็นร้อยละ 0.00015
แอแนฟิแล็กซิสเป็นปฏิกิริยาการแพ้แอนติเจนรุนแรง ซึ่งเกิดขึ้นแบบเฉียบพลันและอาจอันตรายถึงชีวิต ทำให้ร่างกายเกิดภาวะภูมิไวเกิน อาการทั่วไปประกอบด้วยไอ หายใจหอบ แน่นหน้าอก เจ็บปวดทั่วไป หายใจลำบาก หัวใจเต้นเร็ว อาการบวมหรือคันคอ แน่นในลำคอ อาเจียน ท้องร่วง และมีชีพจรเบา
ผู้ป่วยจำเป็นต้องได้รับการรักษาพยาบาลอย่างฉุกเฉินทันทีเมื่อมีอาการช็อกจากการแพ้อย่างรุนแรง โดยอาการที่พบได้บ่อยคือความดันโลหิตลดลงกะทันหัน ทางเดินหายใจแคบลง และทางเดินหายใจถูกอุดกั้น ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนขั้นร้ายแรงและถึงแก่ชีวิตหากไม่ได้รับการรักษาอย่างรวดเร็ว
นอกจากนั้นคณะผู้เชี่ยวชาญสาธารณสุขพบว่าผู้คน 1 ใน 5 อาจมีปฏิกิริยาการแพ้รุนแรงครั้งที่ 2 ภายใน 12 ชั่วโมงหลังเกิดอาการครั้งแรก ซึ่งมีชื่อเรียกว่าไบฟาซิก แอนาฟิแล็กซิส (biphasic anaphylaxis)