สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ประมุขแห่งคริสตจักรโรมันคาทอลิก เสด็จเยือนอิรัก ประเทศที่ประชากร 98 เปอร์เซ็นต์เป็นชาวมุสลิม นับเป็นโป๊ปพระองค์แรกในประวัติศาสตร์ ที่เสด็จเยือนประเทศแห่งตะวันออกกลาง ที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งและสงคราม
โป๊ปฟรานซิส เสด็จโดยเครื่องบินพระที่นั่ง ของสายการบินอาลิตาเลีย อิตาลี ถึงท่าอากาศยานนานาชาติแบกแดด เมื่อเวลา 14.00 น. ของวันศุกร์ที่ 5 มี.ค.โดยมีนายกรัฐมนตรีมุสตาฟา อัล-คาห์ดิมี และคณะเจ้าหน้าที่รัฐบาลอิรัก รวมทั้งตัวแทนชุมชนชาวคริสต์ในอิรัก รอรับเสด็จ โดยพระองค์มีกำหนดการเยือนอิรัก เป็นเวลา 3 วัน
การเสด็จเยือนดินแดนแห่งสงครามครั้งนี้ ทางการอิรักระดมกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยความมั่นคง ทั้งทหารและตำรวจ ประมาณ 10,000 ถวายการอารักขา และรักษาความปลอดภัย ให้กับประมุขแห่งคริสตจักรโรมันคาทอลิก เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝัน ขบวนรถพระที่นั่งได้นำโป๊ปฟรานซิส ไปยังทำเนียบประธานาธิบดีอิรัก เพื่อพบหารือกับประธานาธิบดีบาร์ฮัม ซาลิห์ ผู้นำเจ้าบ้าน
ตามหมายกำหนดการ ยังจะมีการพบปะกันครั้งประวัติศาสตร์ ในวันเสาร์ที่ 6 มี.ค.ระหว่างโป๊ปฟรานซิส กับ แกรนด์ อยาตอลลาห์ อาลี อัล-ซิสตานี ผู้นำสูงสุดของชาวมุสลิมนิกายชีอะห์ในอิรัก
โป๊ปฟรานซิส ทรงตรัสกับผู้สื่อข่าวว่า นี่คือการเยือนเชิงสัญลักษณ์ และถือเป็นหน้าที่ของพระองค์ ที่ต้องปฏิบัติในดินแดนที่มีผู้เสียสละมาหลายปีแล้ว
การเสด็จเยือน 4 เมืองในอิรัก ต้องใช้ทั้งรถยนต์ เครื่องบิน เฮลิคอปเตอร์ และรถหุ้มเกราะด้วย โดยเฉพาะเมืองนาจาฟ ทางภาคใต้ และเมืองโมซุล ทางภาคเหนือ ซึ่งมีความเสี่ยงสูง
ทางด้านนายฟูอัด ฮุสเซน รัฐมนตรีต่างประเทศอิรัก กล่าวว่า ชาวอิรักรอต้อนรับประมุขแห่งคริสตจักรโรมันคาทอลิก ผู้นำสารแห่งสันติภาพ และความอดกลั้น.