“ครูแคท คัฑลียา” เผย เหตุผลหลังหายจากวงการนานเกือบ 2 ปี รับ เครียดหนัก ไม่มีอะไรติดตัวหลังออกจากค่ายเพลงดัง!
"ครูแคท คัฑลียา" เจ้าของฉายาราชินีเพลงประกวดระดับแถวหน้าของเมืองไทย ที่วันนี้เธอกลับมาทวงบัลลังก์ หวนคืนวงการ หลังหายไปกว่า 2 ปี กับชีวิตที่เจอมรสุมหนักมาก หลังออกจากค่ายเพลงดัง งานหด เงินหาย เรียกว่าเป็นขาลงที่สุดของชีวิต ถึงขั้นมาขายน้ำพริก ซึ่งเจ้าตัวมาเปิดใจเรื่องราวทั้งหมดผ่านทางรายการคุยแซ่บshow
2 ปีที่ผ่านมาไม่ค่อยเห็นหน้าครูแคทตามทีวีเลย ?
ครูแคท : ก็มีงานหดหายไปบ้าง บางรายการก็จะเป็นซีซั่นๆ ไป พอหมดซีซั่น ไม่ได้ต่อก็ต้องหยุดแล้วจังหวะโควิดพอดี มีเรื่องราวส่วนตัวด้วยกับต้นสังกัดก็เลยเงียบไปนิดนึง แค่วันนี้กลับมาแล้ว พร้อมทำงาน
ครูแคทอยู่ในวงการมาทั้งหมดกี่ปี ?
ครูแคท : 26 ปีนี้
เราไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับค่ายเพลง แต่เราไม่มีสิทธิ์ในเพลงเหล่านั้นเลย ?
ครูแคท : ใช่ค่ะ ทางต้นสังกัดไม่ให้ ถ้าจะร้องต้องได้รับอนุญาตจากเขาผู้เดียว
นอกจากเพลงที่เอามาร้องไม่ได้ ชื่อก็ไม่ได้ ?
ครูแคท : ชื่อก็ไม่ได้ เพราะเขาเป็นคนตั้ง เขาสงวนลิขสิทธิ์ทั้งหมด
ใช้อะไรไม่ได้บ้าง ?
ครูแคท : ชื่อ นามสกุล ทั้งหมด
แต่ชื่อมันสำคัญ ?
ครูแคท : จริงๆ คนเขาติดไปแล้ว กับชื่อและนามสกุลตรงนั้น กลายเป็นคนจดจำไปแล้ว
ตั้งแต่อัลบั้มแรกจนถึงวันนี้เลย มีทั้งหมดกี่เพลง ?
ครูแคท : ถ้ารวมๆ แล้วประมาณ 500 กว่าเพลง แต่จำเนื้อเพลงแม่นๆ เลยไม่น่าถึง 100 มันหลายอัลบั้มมาก
เพลงของครูมีคนเอาไปร้องประกวดเยอะมาก ภูมิใจไหม ?
ครูแคท : ภูมิใจมากๆ ซึ่งก่อนหน้านี้เราเป็นนักร้องร้านอาหารเนอะ เราก็แกะเพลงพี่ผึ้ง เพลงพี่สุ เพลงหลายๆ คนที่เป็นต้นฉบับแกะมาร้อง ตอนนี้เรามาเป็นศิลปิน ให้น้องๆ ได้เราเป็นแม่แบบตรงนั้นไปประกวดแล้วได้รางวัล มันเป็นสิ่งที่ภูมิใจที่สุด
ชื่อเสียงที่สร้างมา 26 ปี แล้วไม่ได้ใช้มัน เสียดายไหม ?
ครูแคท : ก็มีความเสียดาย เพราะมันคือตัวตนของเรา คนรู้จักเราก็คือ แคฑลียา มารศรี แล้วกว่าจะรู้จักชื่อ รู้จักเพลง มันเดินทางมาหลายปี มันมีน้อยใจหน่อยๆ เสียดาย
ร้องไห้ไหม ?
ครูแคท : ก็มีค่ะ คนเรามีขึ้น มีลง มีดี มีไม่ดีอยู่ในนี้ปะปนกันแต่ละชีวิต ทุกคนมีหมด พอมาถึงตัวเราทำไมเราเดินทางมาถึงตรงนี้ ความพร้อมเรามี การงานเรามี ชื่อเสียงเรามี ทำไมอยู่ๆ มีวิบากกรรมตรงนี้ การทำงานก็ไม่ได้ราบรื่น เพราะว่า เป็นเรื่องภายในต้นสังกัด มันเหมือนตัดโอกาสเรา ในสิ่งที่เราควรทำได้ ในสิ่งที่เราควรใช้ได้ เรากลับใช้ไม่ได้ เราก็เป็นส่วนผู้ร่วมสร้างชื่อเสียงตรงนั้น หรือเพลงตรงนั้นให้มันมีชื่อขึ้น
เคยน้อยใจโชคชะตาไหม ?
ครูแคท : ก็มีค่ะ แต่ยืนหยัดได้เพราะว่าบางครั้งเราคิดว่าเราเป็นตัวตนเรา เราก็มีฝีไม้ลายมือ เราก็มีความสามารถตรงนี้ คือเราต้องเข้มแข็ง เพราะว่าครอบครัว
เคยคิดจะยื่นคำร้องต่อศาลในการทวงสิทธิ์ของเราไหม ?
ครูแคท : ถามว่าเคยอยากยื่นฟ้องไหม สิ่งตรงนี้ยังไม่ได้คิดว่าจะยื่นฟ้อง แต่เราแค่อยากถามว่าเราใช้ไม่ได้เลยเหรอ ในส่วนที่เรามีส่วนร่วมทำให้เพลง เพลงนั้นมีชื่อเสียงขึ้นมา
มีเพลงไหนที่ครูช่วยแต่ง และลงทุนกับการทำไหม ?
ครูแคท : มีหลายเพลง ส่วนมากจะเป็นเกลาเพลง เหมือนแก้คำให้ลงปากเรา หรือแก้ประโยคให้มันกลับมาเข้าใจง่ายมากขึ้น ก็มีส่วนร่วมเล็กๆ น้อยๆ ในการเลือกเพลงอะไรอย่างนี้
มีโอกาสที่จะปรับความเข้าใจ กลับไปทำงานกับค่ายเดิมไหม ?
ครูแคท : ปรับความเข้าใจ อาจจะพูดคุยในเรื่องลิขสิทธิ์ หรือว่าขอใช้ในส่วนที่เราทำมาหากินได้ แต่ถ้าจะกลับไปอย่างนี้มันยากแล้ว
ตอนจบ จบไม่สวยทั้งคู่ ?
ครูแคท : ใช่ค่ะ
ชื่อครูแคทเริ่มตั้งมาเมื่อปี 59-60 แล้วชื่อนี้มาได้ยังไง ?
ครูแคท : ใช่ค่ะ ครูแคทหมายถึงว่าเป็นโค้ช เป็นครูในโรงเรียนที่นักร้องประกวด อยู่ในทีมของเรา กลายเป็นว่าเป็นครู เป็นลูกศิษย์กัน ก็เริ่มจากตรงนั้นมา
อยากบอกอะไรกับค่ายไหม ?
ครูแคท : จริงๆ ก็อยากจะคุยกันดีๆ ในส่วนนึงเราก็มีส่วนที่ทำให้เพลงมันมีชื่อเสียง เด็กรุ่นใหม่นำไปประกวด มันคือการจต่อยอด เขาบอกว่าจะจะเกิดผลงานที่ดี มันมีองค์ประกอบหลายอย่าง 1.คือตัวเรา เสียงร้องเรา ความใส่ใจในรายละเอียด การสื่อสารของเรา 2.คือเพลงที่ได้มาจากการคัดเลือกของเขา มันเหมือนมีส่วนกัน 3.ดนตรี เหมาะสมไหม ต้องแก้ไขแต่งเติมอะไรไหม มันเป็นสีสัน มันเป็นองค์ประกอบหลายๆ อย่าง ตัวเขา ตัวเราก็เหมือนกัน ดวงไปด้วยกันได้ไหม ก็อาศัยดวงเหมือนกัน เพราะว่าคนคนนึงมันไม่สามารถทำให้เพลงมันดังขึ้นมาได้ มันต้องมีส่วนประกอบทั้งหมดที่ดีทั้งหมด ไม่งั้นจะได้รางวัลได้ยังไง ไม่ใช่เราดังคนเดียว ไม่มีใครสร้าง ไม่ใช่ค่ะ เรารู้ เราระลึกถึงเสมอ เรารู้ว่าเรามายังไง เราเกิดจากไหน ใครชักนำมา เรารู้ แต่ในสิ่งที่เรามีปัญหากันมันเป็นเรื่องส่วนตัว มันไม่ได้เกี่ยวกับงาน แต่ว่าเรื่องส่วนตัวมันก็เลยมาพานถึงงาน มันก็เลยเป็นปัญหากัน ส่วนนึงก็อยากคุย เราอยากใช้สิทธิ์มาประกอบอาชีพเรา ถ้าคุณอยากได้รายได้หรือส่วนแบ่งตรงนี้ก็คุยกัน
เครียดไหม ?
ครูแคท : เครียด ช่วงแรกๆ นอนร้องไห้เยอะ 1.เราตัดสินใจเดินออกมาแล้ว มันต้องมีความทรนงพอตัว มันต้องตัดสินใจและเข้มแข็งตรงนั้น แล้วผู้หญิงมันอ่อนไหวง่าย มันก็เสียใจ เรามาผิดไหม เราก้าวผิดไหม มันมีถามตัวเอง แต่ถามไปถามมาเราก็ตอบตัวเอง เรามั่นใจแล้วที่เราจะเดินมาตรงนี้ เพราะว่าเราไม่อยากเจออะไรที่ซ้ำๆ แล้วมันตอกย้ำความรู้สึกเรา
เหตุการณ์ที่ผ่านมาในชีวิตเราน้อยใจ โกรธ หรือแค้นที่สุด ?
ครูแคท : ช่วงแรกๆ มีทั้งหมดเลย ทำไมฉันใช้ไม่ได้เหรอ
หลังจากที่ตัดสินใจออกจากค่าย เป็นการตัดสินใจออกมาตัวเปล่าจริงๆ ไม่ว่าเพลง ชื่อ หรือแม้กระทั้งเงิน แทบไม่มีอะไรติดมาเลย ?
ครูแคท : ค่ะ จะบอกว่าท้อมาก อันนี้สิ่งที่เราเลือกคือท้อนะ แต่สิ่งที่เราเลือก เราก็ต้องไปให้ได้ รายได้ไม่มีเลย แล้วจังหวะที่รายการก็หมดซีซั่นด้วย มันก็ไม่มีรายการที่จะไปคอมเมนต์ด้วย งานโชว์ก็ไม่มี มันมีความรู้สึกว่าจะไปต่อยังไง แต่ก็เป็นคนที่มีสติ แล้วเป็นคนปลงในสิ่งที่มันผ่านมาแล้ว เราเริ่มต้นใหม่ได้ทุกวัน ไม่มีวันว่าสายในการก้าวเดินต่อไปในวันข้างหน้า
ในแต่ละเดือนเรามีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ ?
ครูแคท : เยอะค่ะ ช่วงแรกๆ จะมีบ้าน มีรถที่เราจะต้องผ่อน ก็เกือบ 2 แสนต่อเดือน แต่ตอนนี้จ่ายไปหมดเรียบร้อยแล้ว พอหมดแล้วมันก็มีค่าใช้จ่ายจิปาถะในครอบครัว เพราะเราดูแลไม่ต่ำกว่า 5 คน ก็มีค่าน้ำ ค่าไฟ ค่ากิน บางทีค่าเทอมเด็ก มันมีหมด ปีละแสนกว่า ช่วงนี้ก็ซอฟเรื่องบ้าน เรื่องอะไรไปแล้ว ก็ประมาณเกือบๆ แสน ถามว่าอยู่ได้ไหม ก็ต้องอยู่ให้ได้
แล้วรายรับพอไหมในแต่ละเดือน ?
ครูแคท : กระมิดกระเมี้ยนมาก แล้วช่วงนี้ไม่มีงานเลย บอกตรงๆ โควิดก็มา มันพังทลายหมดเลย เหมือนเราไม่มีรายได้เลย มีแต่รายจ่าย แต่ว่าแคทเป็นคนอยู่ง่าย กินง่าย ประหยัด แล้วทำตัวเล็กที่สุด เราไม่เดินห้าง เราไม่แบรนด์เนมอะไรเยอะแยะ เราพอใจในสิ่งที่เรามีอยู่แล้ว แล้วเราประหยัดมาก
ทางค่ายมีรับผิดชอบเราบ้างไหม ?
ครูแคท : ไม่มีค่ะ
ดูแลตามเดือนมีไหม ?
ครูแคท : ไม่มีค่ะ
ถ้าคนอื่นมองเข้ามาว่าชีวิตครูแคทขาลง เราคิดไหมว่าเป็นขาลง ?
ครูแคท : ใครบอกว่าขาลง ตกอับ บ้านต้องมาขายน้ำพริก จริงๆ มันเป็นอาชีพสุจริต ขายน้ำพริกไม่ได้เสียหาย ไม่ได้ไปปล้นใครเขา
ถ้าทางค่ายบอกมาคุยกัน แบ่งผลประโยชน์กัน เอาเพลงเธอกลับไปร้องได้ ครูแคทตกลงไหม ?
ครูแคท : ก็โอเคนะคะ เราไม่อยากไปสู้รบตบมือ เพราะ1.เขาเป็นผู้สร้าง เราจะไปอะไร แต่ถ้าคุณเป็นผู้สร้าง ทำด้วยมือลบด้วยเท้า คุณก็คิดเอาเอง แต่ในสิ่งหนึ่งเราบอกได้เลย เราก็ซัพพอร์ต เราก็ลงทุน มันเป็นความจริง คุณต้องยอมรับความจริง มันไม่สามารถบิดเบือนประวัติศาสตร์ได้ คุณเป็นผู้ชักนำ เป็นผู้สร้างเรา เราก็เป็นศิลปินที่ดี ทำงานให้คุณ ทำผลงานช่วยสร้าง ช่วยลงทุน ตรงนี้มันก็น่าจะโอเค น่าจะครึ่งๆ กับเราบ้าง
ครอบครัวโอเค แล้วเรื่องภายนอกคิดไหมว่าไม่ยุติธรรมสำหรับเรา เรื่องเพลงใช่ไหม ?
ครูแคท : มีเรื่องเดียว ชีวิตนี้ติดค้างอยู่เรื่องเดียว คือเรื่องลิขสิทธิ์ที่เราจะใช้ไม่ได้เนี่ย มันพูดยากมาก ถามว่าเราเกรงใจไหม เราก็เกรงใจ แต่สิ่งที่คุณควรจะให้เรา เรามีสิทธิ์ได้ไหม เราคิดว่าเรามีสิทธิ์ได้ตรงนี้ น่าจะให้ไง
ตอนที่เราขึ้นที่สุด ตอนนั้นเพลงอะไรที่ดังที่สุด ?
ครูแคท : เพลงที่ร้องต้นรายการ ปูนาขาเก
เห็นบอกว่า ณ ตอนนั้นเวลาไปออกงานอีเวนต์ค่าตัวเป็นแสน ?
ครูแคท : ถ้าย้อนกลับไป 10 กว่าปีก็เป็นแสน ไม่มีแดนเซอร์ด้วย ไปคนเดียว ไม่มีวง วันนึงเรารับ 2-3 งาน แต่ส่วนมากจะ 2 เพราะระยะทางมันไม่ได้กัน เราต้องเอาที่มันใกล้เคียงกัน
เคยคิดไหมว่าคนจ้างจะรู้สึกว่าแสนนึงมันไม่คุ้มค่าเลย มาคนเดียว ?
ครูแคท : ไม่คิดหรอกค่ะ บอกเลยว่าคนจ้าง เจ้าภาพเข้าใจในกระแสนั้น คือใครก็แย่งอยากจะเอาศิลปินดัง สัดแต่ละวัด บอกตรงๆ เขาแข่งกันนะคะ
แล้วมีคนให้ไปรับรางวัลเยอะมาก จนตอนหลังๆ ไม่รับรางวัล ?
ครูแคท : ไม่รับแล้วค่ะ ไม่ใช่ว่าหยิ่ง ไม่ใช่ว่าไม่อยากได้นะ คือ1.รางวัลก็เป็นเกียรติยศแล้ว ได้ 1-2-3-4-5-6 ทุกรางวัลครบหมดแล้วทุกสถาบันที่มอบให้ อันนี้ต้องกราบขอบพระคุณมากๆ จริงๆ เป็นเกียรติยศ เราได้หมดแล้ว แต่ว่ามันมีครั้งหนึ่งที่ไปงานรับรางวัล ก็จะมีรุ่นน้องกระซิบกันว่า ถ้าพี่แคทมา พี่แคทนอนมาอยู่แล้ว ไม่ต้องไปแข่งกับเขาก็ได้อยู่แล้ว เราก็แบบว่าจริงเหรอ สรุปก็จริง พอเราได้รางวัลครบแล้ว โอเคเราไม่รับดีกว่า
ครูแคทมีขึ้น มีลง มีตกอับบ้าง แต่โชคช่วยตลอด ล่าสุดโชคอะไร ?
ครูแคท : เป็นศาสตร์ตัวเลขอะไรประมาณนี้ เมื่อวานก็ถูกไป 3 ใบ งวดก่อนก็มีรางวัลที่5 รางวัลที่ 4 มีมาเรื่อยๆ ตั้งแต่มี 61-62 รายได้จากโชคลาภนี่ 7 หลัก
เอาตัวเลขมาจากตรงไหน ?
ครูแคท : ผู้ที่เกี่ยวข้องกับตัวเรา ส่วนมากจะเป็นตัวเรา ก่อนหน้านั้นก็จะมีคนนี้เกิด คนนี้ตาย หลวงพ่อนี่ดัง ก็จะมาคิดแล้วเอามาคำนวณกับตัวเลขประจำวัน เคยถูกมาสุด 7 แสนกว่า
เรียกว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่ทิ้งเรา ?
ครูแคท : แคทเชื่อนะคะว่าเราเป็นลูกกตัญญูต่อบุพการี อันนี้สำคัญมากๆ แคทเชื่อเสมอว่าถ้าเราดูแลครอบครัว พ่อ แม่ เราอย่างดี อันนี้ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้
ปีกว่าๆ ที่ผ่านมาหนักสุดในชีวิตไหม ?
ครูแคท : หนักค่ะ ก็ให้กำลังใจตัวเองเราท้อไม่ได้นะ เราต้องสู้ เพราะคนข้างหลังเรามีอยู่
ถ้าเปรียบชีวิตเป็นเพลงคือเพลงอะไร ?
ครูแคท : มันโหดร้ายในบางชีวิต หรือช่วงเวลานั้นมันอาจจะมีโหดร้ายชอกช้ำ หรือหนักหนาก็มี
ชุดของพี่เป็นแขนยาว ขายาว ทำไมไม่มีการเปลี่ยนสไตล์เลยพี่ ?
ครูแคท : คือเราเริ่มมาจากเพลงช้า เพลงซึ้งการแต่งตัวเรียบร้อย เราได้ทุกสถานที่ ทุกโอกาส ทุกงาน
นอกจากผมหน้าม้าแล้ว ปากต้องแดง ?
ครูแคท : ก็เป็นวัยรุ่นสดใส คือทาปากแดงปุ๊บหน้าตาดิฉันจะสดใส ขาว สว่าง มีออร่าเลย
ทำไมเราถึงโดนแฟนเพลงดึงตกจากเวที ?
ครูแคท : เขาอาจจะมีอาการมึนเมาอะไรสักอย่าง ตวามรักของเขาอาจจะรุนแรงไปนิดนึง เขาดึงเรา แต่มอนิเตอร์ช่วยชีวิต พอเราลุกขึ้นมาได้เราก็ชี้ คือคุณอย่าทำอย่างนี้อีก
เหตุการณ์บนเวทีอะไรที่คิดว่าแรงที่สุด ?
ครูแคท : รองเท้าแตะนี่แหละที่โดนเขวี้ยงมาบนเวที
ถ้าจบรายการ ถ้าเรื่องลงเอยด้วยดี เราจะกลับมาทวงบัลลังก์เราคืนไหม ?
ครูแคท : ส่วนมากเขาจะให้ฉายาว่าเจ้าแม่เพลงประกวด เจ้าแม่เพลงหวาน จริงๆ แล้วอยากกลับมา แต่ว่าจริงๆ บัลลังก์ไม่มีใครแย่งเราหรอก เขาคงให้เรา แต่อยากกลับมาทำงานนี้ต่อ เพราะมันเป็นอาชีพเรา ไม่ได้ออกอัลบั้มใหม่มานานมาก มีแต่งานทีวีรายการ แต่ว่าเพลงใหม่ที่ต่อเนื่องไม่มี อยากทำ