หนักแค่ไหนก็สู้ “กรีน” ไม่หวั่นแบกรับหนี้สินเพื่อครอบครัว

2021-03-05 18:10:08

หนักแค่ไหนก็สู้ “กรีน” ไม่หวั่นแบกรับหนี้สินเพื่อครอบครัว

Advertisement

หนักแค่ไหนก็สู้ “กรีน” ไม่หวั่นแบกรับหนี้สินเพื่อครอบครัว



เรียกว่าต้องสู้ชีวิตกันต่อไปสำหรับเรื่องราวของนางเอกสาว “กรีน อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล” หลังไปออกรายการหนึ่งแล้วเผยถึงเบื้องหลังชีวิตที่ต้องแบกรับหนี้สินของครอบครัวที่มีมูลค่าสูงถึงหลายสิบล้านบาท ล่าสุดพอได้เจอเจ้าตัวในงานแถลงข่าวเปิดตัว ”7 Yachts“ ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อผู้ชาย เลยสอบถามถึงเรื่องราวต่างๆ โดยสาวกรีนได้เผยว่า




"กรีนก็คนๆ นึงเนอะ เราก็จะมีชีวิตกเบื้องหลังของเราและมีหนี้สินภาระรับผิดชอบ เพียงแค่คนจะรู้หรือเปล่า ตอนที่ไปออกรายการแฉและอีกรายการที่ไปโปรโมตละครก็จะมีการเปรียบเทียบกันระหว่างชีวิตของตัวละครกับชีวิตจริงของเราที่ลำบากเหมือนกันก็มีโอกาสได้เล่าเรื่องเกี่ยวกับครอบครัวซึ่งเราก็ไม่ค่อยได้พูดถึงสักเท่าไรค่ะ อย่างหนี้สินเรามีมาตั้งนานแล้วค่ะ เราก็ช่วยกันในครอบครัว แต่พอคุณพ่อเสียก็มีหนี้มากกว่าเดิม เราก็ค่อนข้างจะหนักเพราะไม่มีคนช่วยค่ะ ก็รู้สึกเคว้งและลูกๆ ก็ต้องช่วยกันเอง"





บางคนก็สงสัยว่าเราเป็นนักแสดงมากลายปีแล้ว ทำไมถึงมีหนี้สินขนาดนี้ ?
ใช่ค่ะ คือหนูไม่ได้เป็นเด็กร่ำรวยมาตั้งแต่แรก หนูเป็นเด็กเอเอฟเป็นเด็กประกวด เราไม่ได้เป็นเด็กยากจน พอมีพอกิน คือเราเป็นคนประหยัดมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วและไม่ได้ติดของหรูต่างๆถ้าคนที่รู้จักชีวิตของกรีน คือเรามีหนี้สินมาอยู่แล้วเพียงแค่คนไม่รู้เบื้องลึกเราเฉยๆ

เป็นหนี้นอกระบบมั้งหมดเลยหรือยังไง ?
ไม่ค่ะ คือมันมีหลายๆ ส่วนรวมๆ กันค่ะ ก็คุณพ่อของเราเนอะก็ต้องรับผิดชอบ



ตัวเลขหนี้ค่อนข้างสูง เราคุยกับทางพี่น้องมั้ยว่าต้องใช้เวลาเคลียร์กี่ปี ?
ตัวเลขมันไม่ถึง 50 ล้านบาท ไม่ใช่อย่างที่พาดหัวข่าวขนาดนั้นค่ะ แต่มันก็ประมาณ 8 หลักค่ะ บางคนอาจบอกว่าไม่เยอะหรอก แต่สำหรับกรีนมันเยอะมากนะ บางคนอาจบอกว่าเราเล่นละครมาหลายปีทำไมถึงไม่มีเงินมาจุนเจือตรงนี้ คือจะบอกว่าเล่นละครมันก็มีเรตของเค้า ซึ่งการที่กรีนได้เงินละครมาทั้งหมดจะต้องมาลงทั้งหมดกับหนี้ เพราะหนี้มันมีเยอะกว่ารายได้ที่กรีนมี ซึ่งละครเรื่องหนึ่งดาราก็เยอะใช่มั้ยคะ เราไม่ได้รับได้ทีละเป็น 10 เรื่อง เราก็ต้องทำงานให้บาลานซ์และพัฒนาการแสดงของเราด้วย ถ้าเรารับเยอะการแสดงเราก็จะไม่ดีและส่งผลต่องานเราในอนาคตค่ะ เราต้องดูแลครอบครัว ดูแลคุณแม่ มีภาระของเราส่วนตัว กรีนก็ต้องแบ่งไปเรื่อยๆ แต่พอมีหนี้สินเข้ามาเราก็ผ่อนมาตลอด แต่มันไม่ได้หมดไปง่ายๆ ด้วยความที่หนี้มันสูงถึง 8 หลักค่ะ



มันหนักเกินไปมั้ยสำหรับเรา ?
กรีนว่าไม่มีคำว่าหนักสำหรับลูกหรอกค่ะที่จะตอบแทนพ่อแม่ค่ะ แค่เราจะหาวิธียังไงที่จะตอบแทนตรงนี้ ทำให้คุณแม่มีความสุขได้และเค้าไม่ต้องกังวลอย่างนี้ ทุกๆงานที่กรีนทำก็อยากจะทำให้เต็มที่ อยากให้ผลงานออกมาดีมันจะได้ส่งผลต่อเรื่องอื่นๆ ด้วยค่ะ เราทำเพื่อเงินส่วนนึง แต่ก็ไม่ได้ทำเพราะหน้าเงินขนาดนั้นค่ะ เราอยากทำผลงานออกมาให้ดี เราจะได้เอารายได้มาจุนเจือครอบครัวด้วยค่ะ



ตอนนี้ยังเหลืออีกเยอะมั้ย ?
มันมีเบื้องลึกเบื้องหลังอีกค่ะ มันเป็นเรื่องของอสังหาริมทรัพย์ มันเป็นเรื่องของธุรกิจด้วยค่ะ กรีนไม่สามารถบอกได้ว่าตัวเลขเหลืออีกเท่าไหร่ เอาเป็นว่ากรีนก็ต้องจ่าย



เรารับผิดชอบคนเดียว ?
มีน้องด้วยค่ะ ส่วนใหญ่จะเป็นเรา ก็มีหลานๆ คนนึงที่เป็นนักแสดงก็มาช่วยเหมือนกัน เค้าก็ครอบครัวมีภาระของตัวเองก็จะแบ่งมาได้นิดๆ หน่อยๆ หลักๆ ก็เป็นเรากับน้องสาว แต่น้องสาวบางทีก็ช็อตเหมือนกัน เราก็ต้องประหยัดอ่ะ สองปีที่ผ่านมาอะไรที่ไม่จำเป็นกรีนตัดทิ้งหมดเลย



ช่วงที่สุดสำหรับเราหนักขนาดไหน ?
ก็เวลาได้ยินว่ามีอะไรมาอีกนะ เพิ่มขึ้นมา ก็จะรู้สึกว่าเหนื่อยอ่ะ แต่ก็พยายามหาทางแก้ค่ะ

เราใช้กำลังใจผ่านเรื่องนี้ไปยังไงบ้าง ?
กรีนรู้สึกว่าน่าจะมีคนที่มีปัญหาเรื่องนี้มากกว่ากรีน แย่างพี่บอยพี่เจี๊ยบที่ธุรกิจเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ เค้าเป็นมากกว่ากรีนเค้ายังสามารถทำได้ อย่างของกรีนไม่เท่าจองพี่เค้า กรีนก็ต้องหาทางทำได้อ่ะ ครอบครัวกรีนก็ช่วยเหลือกันด้วยค่ะ สว่นธันวาเค้าก็รับรู้ปัญหาของกรันมาตั้งแต่ที่เริ่มคบกัน คุณพ่อก็เคยคุยกับเค้าเรื่องนี้เหมือนกัน อะไรที่ช่วยได้เค้าก็ช่วยอย่างเงินเค้าก็เคยช่วยเหมือนกัน เค้าไม่ทิ้งเราและครอบครัวเราด้วย พอมันมีปัญหาครอบครัวเรารวมตัวกันแล้วมาหาทางแก้กัน ใครมีก็ช่วยใครไม่มีก็ช่วยเรื่องอื่น ทำให้เห็นว่าครอบครัวเราแน่นแฟ้นกันมากขึ้นค่ะ



ทำให้เราทำธุรกิจเยอะขึ้นด้วย ?
ใช่ค่ะ จากแต่ก่อนที่พ่อส่งเงินมาให้ตลอด เราก็ใช้ไม่ถึงกับฟุ่มเฟือย แน่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้ว พอเริ่มรู้เรื่องหนี้สินที่มันมากขึ้นแล้วบวกกับคุณพ่อเสียมันยิ่งเยอะขึ้น ก็เลยปรับวิธีคิดตัวเองว่าแบบอะไรไม่จำเป็นก็อดเปรี้ยวไว้กินหวาน อดไปก่อน ไม่เป็นไรเราไม่ตายหรอก เรายังอยู่ได้ โควิดมันดีตรงที่กรีนไม่ต้องออกไปใช้เงิน มันทำให้กรีนเกิดวิธีคิดใหม่ๆ เราลดบางสิ่งที่ไม่จำเป็น ใช้แต่สิ่งที่จำเป็นจริงค่ะ

คาดไว้ว่าจะเคลียร์หนี้ได้หมดกี่ปี ?
มันมาจากหลายทางเลยค่ะ พยายามหมดภายใน 10 ปีค่ะ ซึ่งมันต้องไม่กระทบคนอื่นๆ และตัวเราด้วย ถึงเราจะต้องใช้หนี้สินแต่เราก็มีความฝันเหมือนกัน กรีนต้องแบ่งเรื่องงานและเรื่องหนี้สินให้มันบาลานซ์กันด้วยค่ะ กับทางเจ้าหนี้เราก็คุยกันได้ค่ะ เรามีทนายของฝั่งครอบครัวเราที่คุยให้อยู่ค่ะ