คดีหนูน้อยวัยขวบครึ่งเลือดคั่งสมอง รอผลนิติเวช พบพิรุธแม่เลี้ยงย้ายบ้านหนี

2021-03-04 17:40:34

คดีหนูน้อยวัยขวบครึ่งเลือดคั่งสมอง รอผลนิติเวช พบพิรุธแม่เลี้ยงย้ายบ้านหนี

Advertisement

คดีหนูน้อยวัยขวบครึ่งเลือดคั่งในสมองตายปริศนา ตำรวจกำลังรอผลนิติเวช ด้านแม่เลี้ยงมีพิรุธย้ายบ้านหนี

จากกรณีนางอาภาพร นาคลอด อายุ 26 ปี ตั้งข้อสงสัยพบพิรุธลูกชายวัยขวบครึ่งชื่อ “ต้นกล้า” ที่อาศัยอยู่กับพ่อและแม่เลี้ยงคนใหม่เสียชีวิตอย่างปริศนา มีบาดแผลที่ศีรษะใบหน้าและลำตัวผลการชันสูตรแพทย์เบื้องต้นมีอาการฟกช้ำและเลือดคั่งในสมองเป็นเหตุให้เสียชีวิตขณะพาไปรักษาตัวที่ รพ.ทุ่งตะโกและส่งต่อไป รพ.ชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ เมื่อวันที่ 28 ก.พ. 64 ที่ผ่านมา โดยผู้เป็นพ่อและแม่เลี้ยงให้การกับตำรวจว่า ลูกชายปืนตู้เสื้อผ้าสูง 2 เมตร และตู้ล้มทับ แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจสอบบ้านหลังเกิดเหตุพบมีพิรุธขัดแย้งกันกับคำให้การหลายอย่าง ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น

ล่าสุด วันที่ 4 มี.ค. ผู้สื่อข่าวได้ติดตามความคืบหน้าของคดี “น้องต้นกล้า” โดย พ.ต.ท.นรินทร์ พุ่มสวัสดิ์ สว.(สอบสวน)สภ.ทุ่งตะโก จ.ชุมพร เปิดเผยว่าได้เรียก น.ส.นันทิยา หรืออุ้ม วัย 30 ปี แม่เลี้ยง และนายณรงค์ อายุ 37 ปี พ่อของเด็กชายวัยขวบครึ่งที่เสียชีวิตมาสอบปากคำ ซึ่งทั้งสองคนให้การพบข้อพิรุธขัดแย้งกับหลักฐานที่เกิดเหตุหลายอย่าง ทั้งตู้เสื้อผ้าที่สูง 2 เมตร ซึ่งทั้งสองคนบอกว่าลูกชายวัยขวบครึ่งปีนตู้ผ้าที่สูง 2 เมตร ขึ้นไปเอาขวดนมบนหลังตู้ แล้วทำให้ตู้ผ้าล้มทับเด็กชายดังกล่าวบาดเจ็บดังกล่าวและเสียชีวิตในเวลาต่อมา




พ.ต.ท.นรินทร์ให้ข้อมูลอีกว่า แต่จากการไปตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุเป็นบ้านห้องแถวเช่าพบตู้เสื้อผ้าอยู่ในห้องนอนสูง 2 เมตร ขณะเกิดเหตุมีแม่เลี้ยงอยู่บ้านคนเดียว ส่วนพ่อแท้ๆออกไปทำงานรับจ้างนอกบ้าน ซึ่งพบว่าเด็กวัยขวบครึ่งไม่น่าจะปืนขึ้นไปเอาขวดนมบนหลังตู้ผ้าได้ และภายในห้องเกิดเหตุโล่งไม่มีเก้าอี้หรือสิ่งอื่นๆที่เด็กจะลากมารองปีนขึ้นหลังตู้เสื้อผ้าได้ นอกจากนั้นพบว่า ปกติขวดนมผู้เป็นแม่เลี้ยงใช้วางอยู่บริเวณจุดอื่นที่ไม่ใช่หลังตู้เสื้อผ้า

โดยตอนนี้ไม่สามารถติดต่อแม่เลี้ยงและพ่อของเด็กชายวัยขวบครึ่งได้แล้ว ทราบว่าได้ขนข้าวของออกไปจากบ้านเกือบหมดแล้ว แต่อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 3 มี.ค.ที่ผ่านมาได้ขอนำศพเด็กส่งไปชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้งที่ศูนย์นิติเวช รพ.ระนอง และจะนำศพกลับมาบำเพ็ญกุศลที่วัดมุจรินทาริน ในพื้นที่ ต.ทุ่งตะโก ซึ่งยังต้องรอผลการชันสูตรอีกประมาณ 1-2 สัปดาห์ ส่วนสาเหตุการตายที่แท้จริงจะต้องรอหลักฐานการชันสูตรศพและการรวบรวมพยานหลักฐานอื่นจึงจะสรุปคดีได้ว่าสาเหตุการตายเกิดจากอะไร



ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่จุดเกิดเหตุบ้านเช่าในหมู่บ้านไชยชนะ หมู่ที่ 1 ต.ทุ่งตะไคร อ.ทุ่งตะโก จ.ชุมพร สภาพบ้านล็อคกุญแจ แต่สามารถมองผ่านประตูแบบบานพับเข้าไปได้ ปรากฎว่าภายในบ้านมีร่องรอยการขนย้ายสภาพโล่งเหลือสิ่งของเครื่องใช้อยู่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ด้านนายสุรศักดิ์ พลวิชิต อายุ 62 ปี ปู่ของ “น้องต้นกล้า” กล่าวปกติลูกชายตนคือ นายณรงค์ เป็นคนดี ไม่คิดว่าจะก่อเหตุกับลูกตนเอง แต่อย่างไรก็ตามลูกชายตนหลังจากเลิกกับภรรยาเก่าก็มาได้กับภรรยาคนใหม่ได้ 5 เดือน ตนเคยไปเยี่ยมหลานอยู่ 2-3 ครั้ง ก็จะถูกกีดกันจาก น.ส.อุ้มลูกสะใภ้คนใหม่ไม่ให้เข้าบ้านไปดูหลายชาย และเคยมีอยู่ครั้งหนึ่งตนมาเยี่ยมหลานแต่ได้ถูกลูกสะใภ้โทรแจ้งตำรวจว่าตนมารบกวนสร้างความเดือดร้อนรำคาญ

นายสุรศักดิ์กล่าวว่าตนเกิดความสงสัยและได้สอบถามเพื่อนบ้านจึงรู้ความจริงว่าได้ยินเสียงหลานชายตนถูกทุบตีร้องไห้ดังลั่นเกือบทุกวัน นอกจากนั้นเมื่อวันที่ 27 ก.พ.ที่ผ่านมา มีคนขายลอตเตอรี่ไปพบเห็นหลานชายตนกำลังมีอาการชักเกร็ง คนขายล็อตเตอรี่ขับรถ จยย.ไปตามลูกชายตนซึ่งเป็นพ่อของ “น้องต้นกล้า” ที่กำลังทำงานรับจ้างอยู่ที่ร้านขายปุ๋ย ไม่ไกลกันมากนัก ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่าเกิดจากสาเหตุอะไร และมารู้อีกทีหลานชายได้เสียชีวิตแล้ว



นายสุรศักดิ์กล่าวว่าวันนี้ ตนมาหาลูกชายและลูกสะใภ้คนใหม่ที่บ้านเช่าหลังเกิดเหตุ พบว่า ทั้งคู่หายไปแล้วโดยชาวบ้านข้างเคียงบอกว่า ทั้งคู่ได้พากันหนีหายไปตั้งแต่วันเกิดเหตุแล้ว ตนจึงอยากบอกถึงลูกชายว่าหากไม่ได้เป็นคนทำก็ให้กลับมาแสดงความบริสุทธิ์ใจหรือหากเป็นทำเองก็ให้กลับมามอบตัวรับผิดชอบกับสิ่งที่ตัวเองก่อไว้

ด้านนายเบียร์ เพื่อนบ้านที่อยู่ตรงข้ามกันบอกว่าตนเพิ่งจะมาเช่าบ้านตรงนี้อยู่ได้ไม่ถึงหนึ่งเดือน มักจะได้ยินเสียงเด็กร้องไห้ทุกวัน ซึ่งก็ไม่รู้ว่าร้องไห้เพราะอะไร และทุกเช้าที่ผู้เป็นพ่อออกไปทำงานจะมีเด็กชายวัยขวบครึ่งที่เสียชีวิตและเด็กชายอายุ 4 ขวบ ซึ่งเป็นพี่ชายวิ่งออกมาหน้าบ้านร้องตามผู้เป็นพ่อเกือบทุกวันแต่ก็ถูกแม่เลี้ยงดึงตัวเข้าไปให้บ้านแล้วปิดประตูไม่ให้ออกมาด้านนอกได้เลย

ส่วนที่วัดมุจรินทาริน สถานที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพ “น้องตนกล้า” หลังจากทำพิธีทางศาสนามาแล้ว 2 วัน ต่อมาเมื่อวานทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ทุ่งตะโก ได้ขอญาติเพื่อนำศพน้องต้นกล้าไปผ่าชันสูตรอย่างละเอียดที่ศูนย์นิติเวชโรงพยาบาลระนอง โดยมีผู้เป็นแม่ของน้องต้นกล้าติดตามไปด้วย ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างขั้นตอนการขอรับศพน้องต้นกล้ากลับมาบำเพ็ญกุศลศพ

ด้านยายของน้องต้นกล้ากล่าวว่าลูกสาวตนเคยเดินทางไปเยี่ยมหลานที่บ้านเช่าหลังดังกล่าวแต่ก็ถูกกีดกันไม่ให้เข้าไปในบริเวณบ้าน และก่อนหลานเสียชีวิตได้แอบใช้มือถือถ่ายภาพหลานชายที่มายืนอยู่หน้าช่องประตูเหล็กหน้าบ้านในสภาพใบหน้าบวมเหมือนถูกทำร้ายจึงได้นำภาพกลับมาให้ญาติๆได้ดู และเมื่อสอบถามจากเพื่อนบ้านหลายคนทุกคนพูดในทำนองเดียวกันว่าหลานชายที่เสียชีวิตที่ทุบตีทำร้ายจนร้องไห้เสียงดังเกือบทุกวันด้วย