ผบ.ตร. สั่งปรับเกณฑ์ "ตร.คุมม็อบ" พร้อมกำชับให้เช็กสุขภาพลูกน้อง ป้องกันเหตุสลดซ้ำรอย
เมื่อวันที่ 3 มี.ค. จากกรณี ร.ต.อ.วิวัฒน์ สินเสริฐ สังกัด สน.ธรรมศาลา ซึ่งปฎิบัติหน้าที่ควบคุมฝูงชนในเหตุการณ์การชุมนุมเมื่อวันที่ 28 ก.พ.แล้วเกิดอาการหัวใจหยุดเต้น ก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา เกี่ยวกับเรื่องนี้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ระบุว่า ได้สั่งการให้ปรับมาตรการคัดกรองโรคกลุ่มเสี่ยงสำหรับผู้ที่จะมาทำหน้าที่ควบคุมฝูงชน โดยจากเดิมกำหนดเกณฑ์อายุ 50 ปีขึ้นไป แต่ตอนนี้ปรับลดเป็น 45 ปีขึ้นไป พร้อมกำชับผู้บังคับบัญชา ให้เข้มงวดเรื่องการตรวจสุขภาพของผู้ใต้บังคับบัญชาที่จะมาปฏิบัติหน้าที่ในทุกระดับชั้น ส่วนการสูญเสียที่เกิดขึ้นตำรวจไม่ได้เสียขวัญหรือกำลังใจ เพราะเรื่องสุขภาพไม่สามารถควบคุมได้ จึงขอให้เจ้าหน้าที่ทุกนายนำกลับไปเป็นบทเรียน นอกจากนี้จะมีการประชุมทบทวนและถอดบทเรียนจากการชุมนุมที่ผ่านมา เนื่องจากพบว่ากลุ่มผู้ชุมนุมมีลักษณะกระจายตัว ทำให้ตำรวจต้องปรับแผนเพื่อเตรียมพร้อมรับมือ
ผบ.ตร. ยังกล่าวถึงการนัดหมายชุมนุมวันที่ 6 มี.ค.นี้ ว่า ผู้ชุมนุมบางกลุ่มยังไม่มีข้อสรุป ส่วนมาตรการรับมือกลุ่มผู้ชุมนุมนั้น หากก่อเหตุเผาทำลายสถานที่สำคัญ ทำลายทรัพย์สินราชการ หรือแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็จำเป็นต้องดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดทุกราย พร้อมยืนยันว่า การจับกุมดำเนินคดีไม่ใช่ทางออกของการแก้ไขปัญหา ส่วนที่ผู้ชุมนุมตั้งข้อสังเกตว่าการกระทำความผิดหลังจากนี้ ตำรวจจะไม่ให้ประกันเหมือนกับ 4 แกนนำนั้น การให้ประกันตัวไม่ใช่อำนาจของตำรวจ แต่เป็นอำนาจของศาล ซึ่งในชั้นสอบสวนปกติ ตำรวจก็ไม่ให้ประกันตัวอยู่แล้ว เว้นแต่เป็นกรณีที่อัตราโทษต่ำ หรือเข้ารับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียก ส่วนการจับกุม นายไชยอมร หรือแอมมี่ นั้น ตำรวจมีหลักฐานชัดเจน จึงต้องดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมาย โดยหลังจากนี้จะนำตัว นายไชยอมร ไปฝากขังยังศาลอาญา รัชดา