คุมตัวคนร้ายฆ่าข่มขืน “น้องนิหน่า” ทำแผน หวิดโดนรุมประชาฑัณฑ์!

2021-03-01 15:35:45

คุมตัวคนร้ายฆ่าข่มขืน “น้องนิหน่า” ทำแผน  หวิดโดนรุมประชาฑัณฑ์!

Advertisement

จับแล้ว! คนร้ายฆ่าข่มขืน ชิงทรัพย์ "น้องนิหน่า" ลงมืออย่างเลือดเย็น พบกันในปั้มน้ำมันขับรถเก๋งชนจนล้ม ก่อนลงไปต่อยท้องลงมือข่มขืน และใช้เหล็กตีจนตาย เคยต้องโทษคดีพรากผู้เยาว์เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี มาแล้ว นำตัวทำแผนหวิดโดนประชาฑัณฑ์ พ่อเรียกร้องให้ประหาร หรือติดคุกตลอดชีวิต

ความคืบหน้าคดีพบศพน้องนิหน่า อายุ 15 ปี นักเรียนชั้น ม.3 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.หาดใหญ่ เสียชีวิตถูกรถจักรยานยนต์ล้มทับอยู่ในร่องน้ำกลางถนนสายเอเชีย เส้นทางหาดใหญ่-บางกล่ำ พื้นที่ หมู่ 5 ต.ท่าช้าง อ.บางกล่ำ จ.สงขลา เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 27 ก.พ. ที่ผ่านมา ซึ่งคดีนี้สุดท้ายแล้วกลายเป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญ เพราะกลายเป็นคดีข่มขืน และฆ่าชิงทรัพย์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมคนร้ายได้แล้วนั้น

ล่าสุดเมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 1 มี.ค. 64 ที่กองบัญชาการตำรวจภูธร ภาค 9 ต.ทุ่งตำเสา อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 9 พร้อมด้วย พล.ต.ต.ทิวธวัช นครศรี ผู้บังคับการสืบสวนตำรวจภูธร ภาค 9 และ พล.ต.ต.อาชาน จันทร์ศิริ ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.สงขลา ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม นายประถม เอียดขาว อายุ 49 ปี หรือ “บังหมัด กงหรา” อยู่บ้านเลขที่ 200 หมู่ 6 ต.คลองทรายขาว อ.กงหรา จ.พัทลุง ตามหมายจับของศาลจังหวัดสงขลา ที่ จ.68/2564 ลงวันที่ 28 ก.พ. 64




โดยถูกตำรวจชุดสืบสวนนำโดย พ.ต.อ.ศักดา เจริญกุล รอง ผบก.สส.ภ.9 , พ.ต.อ.ธนวัต เส้งสุย ผกก.สส.ภ.จว.สงขลา และ พ.ต.อ.พงศ์พสิษฐ์ ทองด้วง ผกก.สภ.บางกล่ำ ตามไปจับกุมตัวได้ที่บ้านพักในพื้นที่ หมู่ 6 ต.คลองทรายขาว อ.กงหรา จ.พัทลุง หลังใช้เวลาสืบสวนแค่ 26 ชั่วโมง พร้อมของกลาง 6 รายการ ประกอบด้วย รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า โคโรล่า สีเทา ทะเบียน กง-856 -ประจวบคีรีขันธ์ จำนวน 1 คัน ซึ่งขับขณะก่อเหตุ รวมทั้งเงินสดจำนวน 1,300 บาท ซึ่งเป็นเงินสดจากกระเป๋าของน้องนิหน่า เหล็กขันเปลี่ยนล้อรถยาวประมาณ 10 นิ้ว จำนวน 1 อัน ที่ใช้ทุบตี กางเกงขาสั้นแบบสามส่วนมีกระเป๋าด้านข้างขา สีครีม จำนวน 1 ตัว กางเกงกีฬาสีน้ำเงินแถบขาวแดงจำนวน 1 ตัว ซึ่งเป็นชุดสวมใส่ในวันเกิดเหตุ และเสื้อคลุมแขนยาวแบบมีฮู้ทคลุมศีรษะ สีแดง จำนวน 1 ตัว ซึ่งเป็นเสื้อของน้องนิหน่า ที่สวมใส่ในคืนเกิดเหตุ และแจ้งดำเนินคดี 3 ข้อหาคือ “ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้ายและเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย , ชิงทรัพย์ในเวลากลางคืนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย โดยใช้ยานพาหนะ เพื่อสะดวกแก่การกระทำผิด หรือพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุมหรือรับของโจร และฆ่าผู้อื่นเพื่อปกปิดความผิดอื่นของตน หรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้ ”

พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบช.ภ.9 เปิดเผยว่า ในชั้นการจับกุมผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาว่า เป็นคนฆ่าน้องนิหน่า เพียงคนเดียว โดยการขับรถเก๋งเฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์ของน้องนิหน่า จนตกร่องน้ำกลางถนน แล้วลงไปชกหน้าท้อง 3 ครั้ง ก่อนลงมือข่มขืนจนสำเร็จความใคร่ 1 ครั้ง แล้วชิงเอากระเป๋าสะพายของน้องนิหน่า พร้อมเงินสด 1,300 บาท



จากนั้นได้ใช้เหล็กสำหรับใช้เปลี่ยนล้อรถที่เตรียมมาตีเข้าที่ใบหน้าของน้องนิหน่า 2-3 ครั้ง จนเสียชีวิต แล้วได้นำรถจักรยานยนต์ของน้องนิหน่า มาทับศพของผู้ตายบริเวณใบหน้า และลำตัวท่อนบน เพื่อทำให้ดูเหมือนกับว่า เป็นการเกิดอุบัติเหตุรถตกคูเสียชีวิต และยังได้ถอดเสื้อฮู๊ทของน้องนิหน่า ที่สวมใส่อยู่ เอามาเช็ดน้ำอสุจิของตนเอง แล้วนำไปทิ้งในพื้นที่ ต.คูหาใต้ อ.รัตภูมิ จ.สงขลา และล้างคราบเหล็กที่ใช้ตีเก็บไว้ในช่องเก็บของหลังเบาะนั่งข้างคนขับ

ด้าน พล.ต.ต.ทิวธวัช นครศรี ผู้บังคับการสืบสวนตำรวจภูธร ภาค 9 เปิดเผยถึงการสืบสวนคลี่คลายคดีนี้ว่า ได้ระดมชุดสืบสวนจาก 3 หน่วย ทั้งชุดสืบสวนตำรวจภูธร จ.สงขลา ชุดสืบสวนกองบังคับการสืบสวน ภาค 9 และ ชุดสืบสวน สภ.บางกล่ำ กว่า 30 นาย ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง โดยเฉพาะการแกะรอยภาพจากกล้องวงจรปิด จนทำให้ทราบเบาะแสของรถต้องสงสัย และคนร้าย โดยเริ่มจากเบาะแสสำคัญของคดีนี้ เป็นภาพจากกล้องวงจรปิดภายในปั้มน้ำมันแห่งหนึ่ง ริมถนนสายเอเชีย พื้นที่ ต.ท่าช้าง อ.บางกล่ำ ซึ่งอยู่ก่อนถึงจุดเกิดเหตุราว 3 กิโลเมตร ซึ่งรถเก๋งคันนี้เป็นรถโตโยต้า โคโรล่า สีเทา ทะเบียน กง-856-ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งขับเข้ามาจอดเติมน้ำมันในปั้ม ในเวลา 00.22 น. ของวันที่ 27 ก.พ. และน้องนิหน่า ก็แวะเติมน้ำมันที่ปั้มนี้เช่นกัน ซึ่งตอนนั้นยังสวมใส่เสื้อฮู๊ท และล้วงเงินในกระเป๋ามาจ่ายค่าน้ำมัน โดยรถเก๋งคันนี้ขับออกไปก่อนเล็กน้อย และน่าจะไปดักรอ รวมทั้งภาพจากกล้องวงจรปิดที่เลยจุดเกิดเหตุมาเล็กน้อยพบว่า มีเพียงรถเก๋งคันนี้ขับมาคันเดียว โดยไม่มีรถจักรยานยนต์ของน้องนิหน่า ขับตามมาแต่อย่างใด และหากเทียบเวลากับรถเก๋งคันนี้ ก็ขับช้าผิดปกติมาก เพราะจากปั้มน้ำมันมาถึงจุดที่มีกล้องวงจรปิดเลยมาอีกตัวใช้เวลาแค่ประมาณ 2 นาที แต่รถเก๋งคันนี้ใช้เวลาถึง 20 นาที จึงเป็นที่มาของขยายผลติดตามจับกุม และเมื่อเปรียบเทียบภาพชายที่ขับรถยนต์เก๋งคันนี้ จากภาพในกล้องวงจรปิดกับภาพบัตรประชาชนของ นายประถม พบว่า มีลักษณะตำหนิรูปพรรณหน้าตาเหมือนกันทุกประการ จึงเชื่อว่า นายประถม เป็นคนร้ายในคดีนี้ รวมทั้งผลการตรวจ DNA จากซอกเล็บของผู้ตาย พบว่า ตรงกับ DNA ของ นายประถม ด้วยอย่างชัดเจน รวมทั้งรองเท้าแตะสีน้ำเงินที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ 1 คู่ ก็ตรงกับรองเท้าแตะในภาพกล้องวงจรปิดที่ชายขับรถเก๋งสวมใส่เหมือนกัน

และจากการตรวจสอบประวัติของนายประถม หรือ “บังหมัด กงหรา” พบว่า เคยต้องโทษคดีพรากผู้เยาว์อายุต่ำกว่า 15 ปี เพื่อการอนาจารฯ เมื่อปี 2545 ในพื้นที่ สภ.บางกล่ำ จ.สงขลา ศาลตัดสินจำคุก 1 ปี โทษให้รอลงอาญา 2 ปี ปรับเงิน 5,000 บาท ขณะที่จากการสอบสวนแรงจูงใจการก่อเหตุ นายประถม บอกว่า ตอนเกิดเหตุได้ไปดื่มเหล้ากับเพื่อนที่ อ.หาดใหญ่ ขากลับแวะเติมน้ำมันที่ปั้ม และเห็นหญิงสาวคนนี้หน้าตาดีขับรถเข้ามาเติมน้ำมัน จึงมีอารมณ์ จึงก่อเหตุขึ้น



จากนั้นตำรวจภายใต้การนำของ พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบช.ภ.9 ได้คุมตัว นายประถม ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพบริเวณจุดเกิดเหตุ โดยมีการวางกำลังตำรวจนับร้อยนายมารักษาความเรียบร้อย เนื่องจากมีทั้งพ่อแม่ญาติพี่น้องเพื่อนและแฟนหนุ่มของน้องนิหน่า รวมทั้งชาวบ้านมารอดูการทำแผนเกือบ 200 คน ซึ่งการทำแผนเริ่มจาก นายประถม ขับรถเบียดรถจักรยานยนต์ของน้องนิหน่า และชนจนตกร่องน้ำกลางถนน จากนั้นได้ลงไปชกหน้าท้อง ลงมือข่มขืน และใช้เหล็กตี และเอารถจักรยานยนต์ทับร่างอำพรางว่า เป็นอุบัติเหตุ ซึ่งช่วงการทำแผนผ่านไปด้วยดีใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง แต่ขณะที่ทำแผนเสร็จ และจะนำตัวไปขึ้นรถตู้ปรากฏว่า ญาติพี่น้องและชาวบ้านพยายามแหกวงล้อมของตำรวจเข้ามาทำร้าย นายประถม ด้วยความโกรธแค้น พร้อมกับสาปแช่งด่าทอด้วยความโกรธ แต่สุดท้ายตำรวจก็นำตัว นายประถม ขึ้นรถได้อย่างปลอดภัย ด้านนายอนันต์ จันตุลา พ่อของน้องนิหน่า ซึ่งมาดูการทำแผนด้วยบอกว่า ต้องการให้ประหารชีวิตคนร้าย หรือจำคุกตลอดชีวิต เพราะ เคยก่อเหตุแบบนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ยังไม่สำนึกผิด และยังมาก่อเหตุซ้ำสอง ซึ่งจิตใจโหดร้ายมาก