เฮ!เปลี่ยนส่วนเหลือทิ้ง"มันสำปะหลัง"เป็นสารเคมีชีวภาพสูง

2021-02-27 16:05:40

เฮ!เปลี่ยนส่วนเหลือทิ้ง"มันสำปะหลัง"เป็นสารเคมีชีวภาพสูง

Advertisement

บพข.หนุนช่วยเกษตรกรเปลี่ยนส่วนเหลือทิ้ง "มันสำปะหลัง" เป็น "สารเคมีชีวภาพสูง"


จัดหนัก 4 กองร้อยรับ"ม็อบปลดแอก"ขู่บุกบ้าน"บิ๊กตู่"

ปชป.พร้อมผลักดันร่างแก้ไข รธน.ให้ผ่านวาระ 3

"ประเทศไทย"สิ้นสุดฤดูหนาวเข้าสู่"ฤดูร้อน"แล้ว


เมื่อวันที่ 27 ก.พ. รศ.ดร.สิรี ชัยเสรี ผู้อำนวยการหน่วยบริหารจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ หรือ บพข. กล่าวถึงบทบาทของ บพข. ว่า ประเทศไทยต้องการการวิจัยและนวัตกรรมที่ยกระดับคุณภาพชีวิต สร้างรายได้ และเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันให้สูงขึ้น บพข.จึงถูกตั้งขึ้นมาเพื่อส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน มหาวิทยาลัย และองค์กรด้านการวิจัยทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อนำงานวิจัยจากห้องปฏิบัติการมาต่อยอดพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อลดความเสี่ยงด้านการลงทุนของภาคเอกชนในการที่จะนำงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ได้อย่างเต็มที่ ซึ่งจะช่วยให้ภาคอุตสาหกรรมของไทยเข้มแข็งเพิ่มมากขึ้นด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง โดย บพข.มุ่งเน้นสนับสนุน 7 กลุ่มอุตสาหกรรมที่ตอบโจทย์การแข่งขันอันท้าทายในระดับโลก พร้อมสนับสนุนงานวิจัยที่มีผลกระทบทางสังคมและเศรษฐกิจ หรือมีความจำเป็นอย่างเร่งด่วน เช่น ชุดตรวจซาร์ส CoV2 ด้วยวิธี RT-PCR ที่ผลิตให้กับกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์, ชุดตรวจโควิด-19 RT-LAMP เปลี่ยนสีของบริษัทเซโนสติกส์, การสร้างโรงงานต้นแบบเพื่อแปรรูปอาหารฟังก์ชั่น และเพื่อให้ได้สารสกัดจากธรรมชาติจากทุกภูมิภาคของประเทศ รวมทั้งยังมุ่งพัฒนาการทำงานร่วมกันระหว่างนักวิจัยและภาคเอกชนในภาคอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยรวบรวมข้อมูลจากการดำเนินการวิจัยแบ่งปันข้อมูลให้กับเครือข่ายนักวิจัยในอนาคต โดยตัวอย่างโครงการที่ บพข. สนับสนุนในรอบปีที่ผ่านมา ได้แก่ ความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี กับภาคเอกชน เพื่อผลักดันให้เกิดนวัตกรรมมูลค่าสูง




ด้าน รศ.ดร.อภิชาติ บุญทาวัน หัวหน้าสาขาเทคโนโลยีชีวภาพ สำนักวิชาเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี กล่าวว่า โจทย์ของมหาวิทยาลัยที่ได้รับมา คือ ทำอย่างไรให้ผลผลิตมันสำปะหลังไทยมีราคาเพิ่มสูงขึ้น จึงทำการศึกษาซึ่งพบว่าวัตถุดิบ ซึ่งก็คือหัวมันสดๆ นั้น ส่วนหลักที่ผู้ประกอบการเอาไปใช้งานจากต้นมันสำปะหลัง 1 ต้น จะอยู่ในรูปของแป้งมัน ส่วนที่เหลือทิ้ง คือ เหง้า และต้น แต่เราสามารถเอามาประยุกต์ใช้ โดยใช้หลักการของ biorefinery โดยทำให้ผลผลิตเป็นสารเคมีชีวภาพซึ่งมีมูลค่าสูง และมีราคาแพงกว่าแป้งมัน ซึ่ง Biorefinery ถือเป็นกระบวนการทางชีวภาพในการเปลี่ยนสารตั้งต้นที่เป็นวัสดุจำพวกเซลลูโลส ให้กลายเป็นเคมีชีวภาพที่สามารถนำไปใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร หรืออุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพ ซึ่งที่มาแรงก็เห็นจะเป็นอุตสาหกรรมพลาสติก เป็นพลาสติกที่สามารถย่อยสลายได้ในธรรมชาติ ส่วนที่เราใช้แล้วทิ้ง ก็เพราะว่า ประเทศไทย เป็นเขตร้อน มีความหลากหลายทางชีวภาพมากกว่าหลายประเทศในโลก เพราะฉะนั้นเราจึงสามารถคัดเลือกจุลินทรีย์ชนิดต่างๆ เอามาผลิตสารเคมีที่เราต้องการได้


ดร.อภิชาติ กล่าวอีกว่า ผลงานเทคโนโลยี Biorefinery ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ได้ถ่ายทอดให้กับ บริษัท ซูเทคเอนจิเนียริ่ง จำกัด ทำธุรกิจด้านน้ำตาล ซึ่งต้องการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากการผลิตน้ำตาลธรรมดาให้ไปเป็นการผลิตสารประกอบมูลค่าสูง โดยบริษัทได้ร่วมมือกับทางมหาวิทยาลัยในการพัฒนาโรงงานแปรรูปต้นแบบ ส่วนเครื่องจักรที่ใช้ก็ผลิตในประเทศไทยถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ซึ่ง บพข.พร้อมสนับสนุนให้ทุกภาคส่วนมาทำงานวิจัยร่วมกัน โดยใช้โรงงานต้นแบบแห่งนี้