เอฟดีเอ เตรียมอนุมัติวัคซีนโควิด-19 ของบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ซึ่งใช้เพียงโดสเดียว ในไม่กี่วันนี้ หลังตรวจสอบแล้วพบมีความปลอดภัยและประสิทธิผลสูงในการป้องกันโควิด จะเป็นวัคซีนตัวที่ 3 ในสหรัฐต่อจากของไฟเซอร์และโมเดอร์นา
เจฟฟรีย์ ไซเอนต์ส ผู้ประสานงานรับมือการระบาดของไวรัสโควิด-19 ของทำเนียบขาว แถลงในวันพุธว่า สหรัฐคาดว่าจะได้วัคซีนต้านโควิด-19 จำนวน 3-4 ล้านโดสของบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ในสัปดาห์หน้านี้ หากผ่านการอนุมัติใช้ฉุกเฉินจากองค์การอาหารและยา หรือเอฟดีเอ ในปลายสัปดาห์นี้ ขณะที่ ผู้บริหารของบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ระบุว่า ทางบริษัทคาดว่าจะจัดส่งวัคซีนได้เกือบ 4 ล้านโดสหากได้รับอนุมัติ นอกจากนี้ ไซเอนต์ส ประกาศด้วยว่า รัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะจัดส่งหน้ากากอนามัยมากกว่า 25 ล้านชิ้นไปยังศูนย์สาธารณสุขในชุมชน รวมทั้งร้านอาหารต่าง ๆ จากเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการต่อสู้กับการระบาดของไวรัสโควิด
ทำเนียบขาวประเมินว่า ชาวอเมริกันจำนวนระหว่าง 12-15 ล้านคน จะเข้าถึงหน้ากากอนามัย
เอฟดีเอ เผยผลการตรวจสอบวัคซีนโควิดของบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ซึ่งใช้เพียงโดสเดียว แล้ว พบว่า มีความปลอดภัยและมีประสิทธิผลในการป้องกันเชื้อไวรัสโควิด ปูทางไปสู่การเป็นวัคซีนต้านโควิดชนิดที่ 3 ที่จะผ่านการอนุมัติใช้ฉุกเฉินในสหรัฐ ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าจะเกิดขึ้นภายในไม่กี่วันนี้ โดยคณะผู้เชี่ยวชาญอิสระของเอฟดีเอ จะประชุมกันในวันศุกร์นี้ เพื่อตัดสินใจว่า จะอนุมัติวัคซีนของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน หรือไม่ อย่างไรก็ตาม คำแนะนำของบรรดาผู้เชี่ยวชาญก็ไม่ได้มีผลผูกพันให้ต้องปฏิบัติตาม เอฟดีเอจะดำเนินการเช่นเดียวกับเมื่อครั้งอนุมัติวัคซีนของไฟเซอร์และโมเดอร์นา
วัคซีนของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน จะเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่มีราคาไม่แพงและมีประสิทธิผลในการป้องกันโควิด ต่อจากวัคซีนของไฟเซอร์และโมเดอร์นา และยังสามารถเก็บไว้ได้ในตู้เย็นอุณหภูมิปกติ แทนที่จะเป็นห้องเย็นที่มีอุณหภูมิติดลบ
บริษัทแจนส์เซน ในเบลเยียม ซึ่งบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน เป็นเจ้าของ และเผยแพร่ผลการทดลองไปเมื่อเดือนที่แล้ว ระบุว่า ข้อมูลของบริษัทพบว่า วัคซีนของบริษัทมีประสิทธิผลถึง 66 เปอร์เซ็นต์ ในการป้องกันไวรัสโควิดหลากหลายสายพันธุ์ในการทดลองทั่วโลกกับกลุ่มอาสาสมัครเกือบ 44,000 คน และมีประสิทธิผลในระดับต่าง ๆ ตั้งแต่ 72 เปอร์เซ็นต์ในสหรัฐ จนถึง 66 เปอร์เซ็นต์ ในลาตินอเมริกา และ 57 เปอร์เซ็นในแอฟริกาใต้ ซึ่งมีโควิดสายพันธุ์ใหม่ระบาด และวัคซีนตัวนี้ มีประสิทธิผลโดยรวมสูงถึง 85 เปอร์เซ็นต์ ในการป้องกันอาการป่วยรุนแรงจากโควิด
ผลจากการทดลองวัคซีนที่ดำเนินการในสหรัฐ, แอฟริกาใต้และบราซิล พบว่าประสิทธิผลในการป้องกันผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุดของไวรัส “อยู่ในระดับสูงใกล้เคียงกัน” แต่การป้องกันโดยภาพรวมแล้ว ในแอฟริกาใต้และบราซิล ซึ่งไวรัสโควิดกลายพันธุ์ กลายเป็นไวรัสที่เข้ามาระบาดแทนสายพันธุ์เดิม ถือว่าได้ประสิทธิผลต่ำกว่า
เอกสารสรุปการตรวจสอบที่เผยแพร่โดยเอฟดีเอ ชี้แจงรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อมูลที่บริษัทแจนส์เซนนำเสนอต่อเอฟดีเอ ซึ่งเอฟดีเอ สรุปได้ว่า วัคซีนของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน “มีประโยชน์ที่รับรู้ได้” ในการลดทั้งอาการเจ็บป่วยและการป่วยรุนแรง
เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว แถลงว่า ฝ่ายบริหารคาดว่าจะแจกจ่ายวัคซีนของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน อย่างน้อย 3 ล้านโดส ในสัปดาห์หน้า หากได้รับอนุมัติใช้ฉุกเฉินจากเอฟดีเอ
ส่วนทางบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน แถลงว่า มีแผนส่งวัคซีน 20 ล้านโดสภายในปลายเดือนมีนาคมนี้ ซึ่งก็จะเป็นไปตามข้อตกลงเพื่อจัดส่งให้สหรัฐ 100 ล้านโดสภายในสิ้นเดือนมิถุนายน
จนถึงขณะนี้ ชาวอเมริกันราว 45 ล้านคนได้รับวัคซีนที่ผ่านการอนุมัติแล้วหนึ่งโดส และเกือบ 20 ล้านคนได้รับวัคซีนครบทั้งสองโดสแล้ว
องค์การอนามัยโลกและประเทศยุโรปก็กำลังพิจารณาวัคซีนของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน เช่นกัน โดยทางบริษัทมีแผนผลิตวัคซีนราว 500 ล้านโดสสำหรับใช้ทั่วโลกภายในสิ้นปีนี้