เปิดตำนาน"ถ้ำนาคี"ดินแดนศักดิ์สิทธิ์สุดลี้ลับ

2021-02-24 11:35:33

เปิดตำนาน"ถ้ำนาคี"ดินแดนศักดิ์สิทธิ์สุดลี้ลับ

Advertisement

เปิดตำนาน "พญานาค" สาป "เจ้าเมือง"เป็นงูยักษเฝ้า "ถ้ำนาคี" ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่สุดลี้ลับ



เมื่อวันที่ 24 ก.พ. แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติสำคัญ ที่หลายคนให้ความสนใจ และอยากไปชื่นชมสัมผัสความอัศจรรย์ด้วยตัวเอง โดยเฉพาะเทือกเขาภูลังกา ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ที่มีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติ มีความอุดมสมบูรณ์มาแต่อดีต มีเนื้อที่มากกว่า 30,000 ไร่ ครอบคลุมเนื้อที่ ทอดยาวผ่านอำเภอบ้านแพง จ.นครพนม ทอดยาวไปยัง อ.บึงโขงหลง จ.บึงกาฬ ซึ่งในอดีตไม่เพียงเป็นเทือกเขาที่มีตำนานลี้ลับ ทั้งตำนานราชาที่ถูกสาปเป็นหิน, ตำนานแห่งดินแดนเมืองบังบด หรือเมืองลับแล, ตำนานเมืองพญานาค, ตำนานดินแดนประสูติพระเจ้า 5 พระองค์, ดินแดนสนามรบกิเลสของเถราจารย์ชื่อดังหลายรูป, ตำนานอาถรรพ์อันศักดิ์สิทธิ์ และดินแดนสมุนไพรในเรื่องรามเกียรติ์ ตอนพระลักษณ์ต้องหอกโมกขศักดิ์




ปัจจุบันอุทยานแห่งชาติภูลังกา ถูกเปิดให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์เพื่อชมความสวยงามทางธรรมชาติ รวมถึงตามรอยเส้นทางเกจิอาจารย์ชื่อดังหลายรูป อาทิ หลวงปู่วัง หลวงปู่มั่น หลวงปู่ตอง ที่เคยขึ้นไปเจริญภาวนา และเชื่อว่าเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับ ซึ่งมีเรื่องราวอัศจรรย์หลังมีชาวบ้านหลายคนเคยสัมผัสพบเจอมาหลายเรื่องราว ที่สำคัญ คือ ความสวยงามของยอดเขาภูลังกา ที่จะต้องเริ่มเดินทางจากที่ตั้งอุทยานแห่งชาติภูลังกา อ.บ้านแพง จ.นครพนม รวมระยะทางเกือบ 4 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง 2-3 ชั่วโมง โดยต้องเดินเลียบเลาะขึ้นไปตามป่าเขา ยิ่งในช่วงฤดูหนาวจะได้ชมความงดงามของพระอาทิตย์ขึ้นจากฝั่งโขงทางฝั่งลาว ซึ่งเป็นแสงแรกที่สวยงาม และที่สวยงามไม่แพ้กัน คือ ความสวยงามทางธรรมชาติของสองฝั่งโขง นอกจากนี้ผู้ที่ขึ้นไปท่องเที่ยวบนภูลังกา ยังมีโอกาสได้กราบไหว้ขอพรเจดีย์ศักดิ์สิทธิ์ ที่ตั้งอยู่บนยอดเขา คือ เจดีย์กองข้าวศรีบุญเนาว์ ที่สร้างขึ้นจากแรงศรัทธาของพระสงฆ์และญาติโยม ซึ่งมีความเคารพศรัทธาต่อภูลังกา โดยเชื่อว่าเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ และในอดีตมีพระอรหันต์สายหลวงปู่มั่น มาปฏิบัติธรรมกรรมฐานจนสำเร็จพระอรหันต์ ทำให้ชาวบ้านเคารพศรัทธา ต่างเชื่อว่าภูลังกา นอกจากจะมีความสวยงามแล้ว ยังช่วยให้ผู้ที่ขึ้นมากราบไหว้มีโชคลาภอีกด้วย จึงถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวอันซีนอีกแห่งหนึ่งของ จ.นครพนม ที่มีความสวยงามเป็นอย่างมาก


ส่วนอีกหนึ่งสถานที่ซึ่งมีความสำคัญไม่แพ้กัน คือ "ถ้ำนาคี" หลังเจ้าหน้าที่และทีมนักสำรวจค้นพบความอัศจรรย์ของหินภูเขา ที่มีรูปร่างคล้ายเกล็ดงู ซึ่งไม่แตกต่างจากถ้ำนาคาที่กำลังมีชื่อเสียงโด่งดังอยู่ทางฝั่ง อ.บึงโขงหลง จ.บึงกาฬ โดย ถ้ำนาคี ที่มีการค้นพบ อยู่ทางฝั่ง อ.บ้านแพง จ.นครพนม ซึ่งเป็นเทือกเขาลูกเดียวกัน หากจะเปรียบเทียบกันให้เข้าใจ คือ ทั้งสองถ้ำอยู่คนละฝั่งกัน เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติภูลังกา จึงตั้งชื่อถ้ำแห่งนี้ว่า "ถ้ำนาคี" ที่สำคัญยังความสวยงามไม่แพ้กัน และยังเชื่อมโยงกับตำนานความเชื่อของถ้ำทั้งสองแห่ง คือ พญานาค หรืองูยักษ์ ที่ถูกสาปให้กลายเป็นหิน เพราะมีรูปร่างลักษณะคล้ายงูยักษ์ ซึ่งคดเคี้ยวไปตามหุบเขา โดยมีเกล็ดหินสวยงามลงตัว บางจุดมีลักษณะคล้ายหัวงูยักษ์ จนกลายเป็นที่สนใจของประชาชนและนักท่องเที่ยว อีกทั้งการเดินเท้าจากที่ตั้งอุทยานแห่งชาติภูลังกา ไปถ้ำนาคี เพียง 2 กิโลเมตรเท่านั้น เป็นเส้นทางผจญภัยเดินเลียบเลาะไปตามป่าเขา และปีนบันไดลิงประมาณ 200 เมตร ก่อนขึ้นไปชมวิวบนยอดเขาถ้ำนาคี และตลอดเส้นทางยังจะได้ชื่นชมความสวยงามของธรรมชาติดอกไม้ป่านานาพันธุ์


สำหรับตำนานราชา ที่ถูกพญานาค สาปเป็นหิน มาจากตำนานความเชื่อชาวบ้านในท้องถิ่น โดยจะกล่าวถึง "เจ้าปู่อือลือ" ที่ข้องเกี่ยวกับ "ถ้ำนาคา" และ "ถ้ำนาคี" ว่าเกิดจากการล่มสลายเมืองของพญานาค โดยมีสาเหตุมาจากความรักที่ไม่สมหวังระหว่างพญานาคกับมนุษย์ ทำให้เมืองที่เคยเจริญรุ่งเรืองต้องล่มสลาย โดยเชื่อกันว่าเดิมเป็นที่ตั้งของเมืองชื่อ "รัตพานคร" อันมีพระอือลือราชา เป็นผู้ครองนคร ส่วนมเหสี ชื่อ "นางแก้วกัลยา" มีพระธิดา ชื่อ "พระนางเขียวคำ" ต่อมาได้อภิเษกสมรสกับพระเจ้าสามพันตา มีพระโอรส ชื่อ "เจ้าชายฟ้ารุ่ง" ต่อมา "เจ้าชายฟ้ารุ่ง" ได้อภิเษกสมรสกับ "นาครินทรานี" ซึ่งเป็นพระธิดาของพญานาคราช แห่งเมืองบาดาล ที่แปลงกายมาเป็นมนุษย์ โดยจัดงานเฉลิมฉลองถึง 7 วัน 7 คืน เพื่อเป็นการสร้างสัมพันธไมตรีระหว่างพญานาคราชกับพระเจ้าอือลือราชา หลังสมรสทั้งสองอยู่กินกันเป็นเวลา 3 ปี แต่ไม่สามารถมีผู้สืบสายสกุลได้ เพราะธาตุมนุษย์ ทำให้เกิดความเศร้าโศกเสียใจกับทั้งสอง ต่อมาเจ้าหญิงนาครินทรานี ล้มป่วยลง ทำให้ร่างกายมนุษย์กลับกลายเป็นพญานาคตามเดิม เมื่อข่าวแพร่สะพัดออกไป ประชาชน และพระเจ้าอือลือ ไม่พอใจ จึงขับไล่ นางนาครินทรานี กลับสู่เมืองบาดาลดังเดิม


จากนั้นพระเจ้าอือลือ ได้แจ้งให้พญานาคราช มารับตัว นางนาครินทรานี กลับไป แต่ก่อนกลับ พญานาคราช ได้ขอเครื่องกกุธภัณฑ์ของตระกูลคืน แต่พระเจ้าอือลือราชา ไม่สามารถคืนให้ได้ เนื่องจากนำไปแปรสภาพเป็นอย่างอื่นแล้ว ทำให้พญานาคราช โกรธมาก จึงประกาศว่าจะทำลายเมืองรัตพานคร พร้อมยกพลมาถล่มเมืองรัตพานครจนราบคาบเป็นหน้ากลอง และไม่มีใครรอดพ้นจากฤทธิ์ของนาคได้ ส่งผลเมืองรัตพานคร ถูกถล่มจมหายกลายเป็นหนองน้ำกว้างใหญ่ ชาวเมืองล้มตายเป็นจำนวนมาก ส่วนเมืองรัตพานคร กลายเป็น "บึงหลงของ" โดยสาเหตุที่ได้ชื่อนี้ เพราะพระอือลือราชา ได้ปิดบังลุ่มหลงเอาสมบัติทรัพย์สินของคนอื่นมาเป็นของตน และเวลาต่อมาได้เพี้ยนกลายเป็น บึงโขงหลง ในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม ในตำนาน กล่าวไว้ว่า พระอือลือราชา รวมถึงบริวารบางส่วนไม่ได้สิ้นพระชนม์ไปกับเหตุการณ์นี้ แต่ถูกพระยานาคราช จับตัว พร้อมกับสาปให้พระอือลือราชา กลายร่างเป็นนาค เฝ้าอยู่ในบึงโขงหลง ชั่วนิรันดร์ จนกว่าจะมีเมืองเกิดใหม่ในดินแดนแห่งนี้ จึงจะล้างคำสาปของพระยานาคราช ได้ ทำให้ ชาวบ้านเชื่อว่าก้อนหินที่มีลักษณะคล้ายพญานาค คือ พระอือลือราชา ที่ถูกสาปให้เป็นงูใหญ่แล้วกลายเป็นหิน




สำหรับเส้นทางท่องเที่ยวถ้ำนาคี ทางอุทยานแห่งชาติภูลังกา เก็บค่าเข้าชมคนละ 20 บาท ส่วนบริการที่จอดรถคันละ 30 บาท โดยเส้นทางระหว่างทางอุทยานแห่งชาติภูลังกา จะมีการทำป้ายเล่าเรื่องราวที่เกี่ยวกับผืนป่า แมลง และสมุนไพร ให้หยุดพักศึกษา และมีจุดแวะพักดื่มน้ำริมน้ำตก พร้อมชมหินที่คล้ายหัวพญานาค และจะได้เห็นสายน้ำบางจุดที่ไหลลอดใต้ก้อนหินไปโผล่อีกแห่งหนึ่ง ลักษณะคล้ายน้ำตก ที่ไหลลงมาจากเทือกเขาภูลังกา นอกจากนี้ยังมีหินลักษณะคล้ายเศียร หรือหัวนาคี คล้ายพญานาค ก้มหัวลงมาพ่นน้ำ และในเส้นทางยังได้ชื่นชมความสวยงามของ ผานาคี ซึ่งเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตก รวมทั้งยังได้ชื่นชมความสวยงามของน้ำตกไทรงาม น้ำตกผาสวรรค์ และน้ำตกตาดโพธิ์ ที่ไหลลงมาจากภูลังกา สู่ลำห้วยหล่อเลี้ยงเกษตรกรและชาวบ้านให้มีน้ำใช้อุปโภค-บริโภคตลอดทั้งปี สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถสอบถามเส้นทางได้ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติภูลังกา หมายเลขโทรศัพท์ 084-792-3505, 081-725-2684 หรือตรวจสอบได้ที่เว็บไซต์ www.dnp.go.th