แคนเบอร์รา, 17 ก.พ. (ซินหัว) — งานวิจัยพบว่าประชากรพืชเท่าที่เคยพบของพืชออสเตรเลียกว่า 100 สายพันธุ์ ล้วนถูกเผาไหม้จนหมดจากเหตุไฟป่า “ฤดูร้อนสีดำ” ช่วงปี 2019-20
เมื่อเร็วๆ นี้ องค์การวิจัยวิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรมแห่งเครือจักรภพ (CSIRO) เผยแพร่งานวิจัยเกี่ยวกับผลกระทบของไฟป่าต่อพันธุ์พืชในออสเตรเลียและพบว่า ไฟป่าได้เผาไหม้ถิ่นอาศัยของพืช 816 ชนิดไปอย่างน้อยครึ่งหนึ่ง ขณะที่มีพืชพื้นถิ่นกว่า 150 ชนิดที่ถิ่นอาศัยถูกเผาไหม้ไปมากถึงร้อยละ 90 หรือมากกว่านั้น
งานวิจัยซึ่งได้รับการเผยแพร่ลงบนวารสาร เนเจอร์ คอมมิวนิเคชันส์ ระบุว่า “จำนวนประชากรเท่าที่มีการบันทึกไว้ของพืชราว 116 ชนิด ถูกไฟเผาไหม้หมด ซึ่งเป็นตัวเลขที่มากกว่า 2 เท่าของสายพันธุ์พืชประจำถิ่นของหมู่เกาะอังกฤษ”
โรเบิร์ต ก็อดฟรี ผู้เขียนหลักของงานวิจัยระบุว่าในภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้เพียงแห่งเดียว มีพื้นที่ป่าไม้ถูกเผารวมเกือบ 50 ล้านไร่
“ขนาดของไฟป่า จำนวนพันธุ์พืช และชุมชนในภูมิภาคที่ได้รับผลกระทบ อยู่ในระดับสูงเป็นประวัติการณ์” ก็อดฟรีระบุในแถลงการณ์
งานวิจัยเรียกร้องให้มีการฟื้นฟูอย่างตรงจุด เพื่อให้ช่วยเหลือพันธุ์พืชที่อยู่ในสภาพเปราะบางหลังเผชิญไฟป่า เช่น กล้วยไม้อากาศ (Epiphytic Orchid) ที่มักเติบโตบนต้นไม้อื่น
งานวิจัยกล่าวเตือนว่าหลักฐานล่าสุดจากระบบนิเวศป่าไม้ของโลกชี้ว่าเหตุไฟป่าสร้างความเปลี่ยนแปลงที่รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ต่อองค์ประกอบของสายพันธุ์ต่างๆ (species composition) ในพื้นที่ซึ่งกินวงกว้าง
“ในกรณีที่ไฟป่ารุนแรงมาก พื้นที่ป่าเหล่านั้นได้ก้าวข้ามจุดเปลี่ยนไปแล้ว ทำให้อดีตผืนป่าเหลือแต่สายพันธุ์ที่ไม่ใช่พืชป่า” งานวิจัยระบุ
องค์การวิจัยฯ ระบุว่าคณะนักวิจัยได้นำข้อมูลแหล่งเกิดไฟป่าที่ได้จากดาวเทียมสำรวจระยะไกล มาเปรียบเทียบกับบันทึกการพบพืชที่นำมาจากคลังข้อมูลพืช เพื่อหาว่าสายพันธุ์พืชและระบบนิเวศใดบ้างที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่ที่ถูกไฟเผา
“ของไฟป่าใหญ่มากเท่าไร ก็เท่ากับว่าเราจะต้องช่วยฟื้นฟูจำนวนประชากรของพืชสายพันธุ์ต่างๆ มากขึ้นด้วย แม้แต่สายพันธุ์ที่แต่เดิมพบได้แพร่หลายเองก็เช่นกัน เพื่อป้องกันผลกระทบเชิงลบของโรคพืช ภัยจากสัตว์ป่า และภัยแล้ง” ก็อดฟรีกล่าว