ปศุสัตว์อำเภอปากเกร็ดลงพื้นที่ตรวจสอบหมูป่าถูกฟัน แนะย้ายหมูป่าเลี้ยงในที่เหมาะสม ขณะที่เจ้าของหมูป่าเตรียมเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุ
เมื่อวันที่ 13 พ.ย. นายสมชาย หมื่นเดช ปศุสัตว์อำเภอปากเกร็ด จ.นนทบุรี พร้อมเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ ลงพื้นที่ตรวจสอบหมูป่าวัย 3 เดือนที่ถูกฟันหลัง บาดเจ็บสาหัส โดยนายสมชาย ระบุว่า ล่าสุด ทางปศุสัตว์ช่วยจับเข้ากรง ตรวจอาการ ทำแผล ฉีดยาปฏิชีวนะเรียบร้อยแล้ว โดยหลังจากนี้ปศุสัตว์จะเข้ามาดูแลจนกว่าหมูป่าตัวดังกล่าวจะหายดี ก่อนจะแนะนำให้ย้ายไปเลี้ยงในสถานที่เหมาะสม ทั้งนี้จะให้เจ้าของหมูเข้าแจ้งความดำเนินคดีผู้ก่อเหตุฟันหมูป่า ในข้อหาทำร้ายทารุณกรรมสัตว์ ขณะเดียวกันก็จะต้องดำเนินคดีกับเจ้าของหมูป่าตามกฎหมายของเทศบาลในข้อหา ปล่อยปละ ละเลย ไม่ล้อมคอก ทำกรงให้สัตว์เลี้ยง มีโทษปรับไม่เกิน 25,000 บาทต่อครั้ง โดยก่อนหน้านี้ได้แจ้งเตือนไปยังเจ้าของหมูป่าแล้ว ก่อนที่เมื่อวันที่ 25 ก.ย.ที่ผ่านมาจะเข้ามาจับกุมหมูป่ากว่า 30 ตัวแล้ว โดยขณะนี้ยังเหลืออีกกว่า 30 ตัว ที่เจ้าของเดิมทิ้งไว้ ในส่วนของหมูป่าอีก 5 ตัว พบว่ามีผู้แสดงตัวเป็นเจ้าของ 2 ราย จึงได้แนะนำให้ทำคอก หรือย้ายไปเลี้ยงยังสถานที่ที่เหมาะสม หากเจ้าของดูแลหมูป่าและจัดสถานที่ให้ดีกว่านี้ เหตุการณ์ลักษณะดังกล่าวก็จะไม่เกิดขึ้น
ด้านนายอภิรักษ์ ทองพรม เจ้าของหมูป่าตัวที่ถูกทำร้าย เล่าว่า เหตุเกิดมาประมาณ 1 สัปดาห์แล้ว หมูป่าวัย 3 เดือนตัวดังกล่าวเป็นลูกของแม่หมูป่าญาญ่า ซึ่งตนเลี้ยงไว้มา 5 ปีแล้ว โดยมีคนนำมาให้ และหมูป่าญาญ่าก็ออกลูกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตนก็ได้ส่งไปเลี้ยงที่บ้านเกิดที่ จ.ศรีสะเกษ เหลืออยู่ที่ตนเพียง 3 ตัว ยืนยันว่าหมูป่าของตนไม่ใช่ตัวเดียวกับที่หนีขึ้นทางด่วนแจ้งวัฒนะเมื่อเดือน ก.ย. โดยปกติจะปล่อยหมูป่าทั้ง 3 ตัว ให้เดินเล่น หากินในพื้นที่ป่าประมาณ 2 ไร่ โดยในวันเกิดเหตุช่วงเช้าตนเรียกหมูป่าวัย 3 เดือนมาให้อาหาร พบว่ามีบาดแผลถูกฟันที่หลัง จึงแจ้งปศุสัตว์เข้าตรวจสอบและรักษา หลังจากหมูป่าตัวดังกล่าวหายดีแล้ว จะส่งลูกหมูป่าทั้ง 2 ตัวไปเลี้ยงที่ จ.ศรีสะเกษ บ้านเกิด และจะเก็บหมูป่าญาญ่าไว้เลี้ยงเพียงตัวเดียว เพราะผูกพันกัน