WHO อนุมัติวัคซีนต้านโควิดเพิ่ม 2 ชนิดของแอสตราเซเนกา/อ็อกซ์ฟอร์ด

2021-02-16 05:55:03

WHO อนุมัติวัคซีนต้านโควิดเพิ่ม 2 ชนิดของแอสตราเซเนกา/อ็อกซ์ฟอร์ด

Advertisement

WHO อนุมัติใช้วัคซีนต้านโควิด-19 เป็นกรณีฉุกเฉินอีก 2 ชนิดเป็นของบริษัทแอสตราเซเนกาและอ็อกซ์ฟอร์ด ซึ่งจะเข้ามาเติมประสิทธิภาพในการป้องกันไวรัสและสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้นในประเทศกำลังพัฒนา

องค์การอนามัยโลก หรือ WHO ประกาศในวันจันทร์ว่า ได้อนุมัติวัคซีนโควิด-19 ของบริษัทแอสตราเซเนกาและมหาวิทยาลัยอ็อกฟอร์ด (AstraZeneca/Oxford) เพิ่มอีกสองชนิด สำหรับใช้ในกรณีฉุกเฉิน ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยเพิ่มปริมาณวัคซีนโควิดทั่วโลกได้ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า และการเข้าถึงได้ในวงกว้าง เพราะวัคซีนต้านโควิดของแอสตราเซเนกาและมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด ไม่ได้มีราคาแพงจนประเทศกำลังพัฒนาเข้าถึงไม่ได้

นายทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ของ WHO แถลงข่าวว่า ขณะนี้ เรามีความพร้อมทุกอย่างในการแจกจ่ายวัคซีนอย่างรวดเร้ว แต่เรายังต้องเพิ่มกำลังการผลิตวัคซีนอยู่ต่อไป




WHO เปิดเผยว่าจะแจกจ่ายวัคซีนดังกล่าวผ่านโครงการความร่วมมือด้านวัคซีน โคแว็กซ์ (COVAX) ไปยังประเทศที่มีรายได้ปานกลางและรายได้ต่ำ โดยการอนุมัติอย่างรวดเร็วครั้งนี้จะช่วยให้ประเทศเหล่านั้นสามารถเร่งกระบวนการรับรองภายในประเทศเพื่อนำเข้าและแจกจ่ายวัคซีนดังกล่าวได้ทันที โดยวัคซีนของแอสตราเซเนกากับอ็อกซ์ฟอร์ด เข้าร่วมโครงการวัคซีนโคแว็กซ์ ซึ่งจะมีการฉีดให้ได้ 330 ล้านโดส เริ่มแจกจ่ายให้ประเทศที่มีรายได้ปานลางและตำ 145 ประเทศ นับจากสิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้

บริษัท AstraZeneca-SKBio ในเกาหลีใต้ และบริษัท Serum Institute of India ในอินเดีย เป็นผู้ผลิตวัคซีนสองชนิดดังกล่าวซึ่ง WHO ระบุว่าปลอดภัยสำหรับผู้ที่มีอายุเกิน 18 ปี



อย่างไรก็ตาม WHO ใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งเดือนในการประเมินข้อมูลด้านคุณภาพ ความปลอดภัย และประสิทธิผลของวัคซีนสองชนิดนี้ก่อนที่จะผ่านการอนุมัติ ซึ่งพบว่ามีประโยชน์มากกว่าความเสี่ยง และการอนุมัติก็มีขึ้นไม่กี่วันหลังคณะกรรมการของ WHO เสนอคำแนะนำชั่วคราวเกี่ยวกับวัคซีน โดยบอกว่า การฉีดวัคซีน 2 โดสในระยะเวลาห่างกันประมาณ 8-12 สัปดาห์ ควรใช้กับผู้ใหญ่ทุกคน และสามารถใช้ได้ในประเทศที่พบการติดเชื้อโควิดกลายพันธุ์สายพันธุ์แอฟริกาใต้ด้วย

วัคซีนของแอสตราเซเนกา/อ็อกซ์ฟอร์ดนี้ ได้รับเสียงชื่นชมอย่างมาก เพราะมีราคาถูกและง่ายต่อการแจกจ่ายมากกว่าวัคซีนของบริษัทไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเท็ค ซึ่ง WHO อนุมัติให้ใช้ฉุกเฉินไปก่อนแล้วตั้งแต่เดือนธันวาคม ปีที่แล้ว และจากการรายงานของรอยเตอร์ระบุว่า มีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิดแล้ว 109 ล้านคนจากทั่วโลก และเสียชีวิตมากกว่า 2.5 ล้านคน ขณะนี้ มีมากกว่า 210 ประเทศและดินแดนทั่วโลก ติดเชื้อไวรัสโควิด ตั้งแต่พบผู้ติดเชื้อรายแรกในจีนเมื่อเดือนธันวาคม 2562