จากกรณีการหายตัวไปของ น.ส.มยุรี ยอดพะเนา ชื่อเล่น หลิว อายุ 19 ปี และมาพบว่าเป็นศพ เสียชีวิตในไร่อ้อย ทางเข้าสำนักสงฆ์ เขามะก่อง บ้านสี่แยก ต.ท่าเกวียน อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว ซึ่งขณะนั้นเป็นศพนิรนาม จึงนำเก็บส่งชันสูตรที่สถาบันนิติเวช และศพถูกนำเก็บไว้ที่สุสานเอกชนแห่งหนึ่งใน จ.ชลบุรี
วันที่ 15 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานไทม์ไลน์การหายตัวของน้องหลิว โดยเริ่มต้นจาก เมื่อวันที่ 17 เม.ย.2555 น้องหลิวได้เดินทางออกจากบ้านที่ อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ไปทำงานที่นิคมอุตสาหกรรม 304 จ.ปราจีนบุรี และหายตัวไปเมื่อวันที่ 5 พ.ค.2555 โดยจุดสุดท้ายที่หายตัวไปคือ จอดมอเตอร์ไซค์ทิ้งไว้ที่ห้างโลตัส คลองรั้ง อ.ศรีมหาโพธิ์ จ.ปราจีนบุรี จากนั้นก็หายตัวไปโดยที่ไม่มีการติดต่อมาหาที่บ้านเลย และญาติๆ ก็ติดต่อไม่ได้ หลังจากนั้นช่วงปลายเดือน พ.ค. 2555 ครอบครัวมาตามหาน้องหลิวที่ห้องพักในเขตนิคมอุตสาหกรรม 304 ก็ไม่พบ จึงพากันเก็บข้าวของในห้องพักที่น้องหลิวเช่าไว้เมื่อต้นเดือน มิ.ย.2555 และพบว่ามี SMS เบอร์แปลกส่งหาเพื่อนสนิททำนองว่า “ไม่ต้องห่วง จะไปทำงานต่างประเทศ”
แห่ขอหวย “ตะเคียนวัดบุ่งกกเรียง” ให้โชค 2 งวดติด (คลิป)
แตกตื่น! เสียงปืนปริศนาดังสนั่น 2 นัดรวด
เปิดตำนาน "ไอ้ส้มฉุน" ศิษย์วัดทรงเสวย
จนถึงเดือน พ.ย.2555 ครอบครัวก็ยังไม่ได้ข่าวน้องหลิวจึงมาตามหาอีกครั้ง และแจ้งความคนหาย ที่ สภ.ศรีมหาโพธิ์ เมื่อปี 2556-2561 ครอบครัวได้ติดตามโดยการถามข่าวจากเพื่อนสนิทและโพสต์ประกาศลงในโซเชียลบ้าง กระทั่งปี 2562 เหลนได้ไปแจ้งคนหายที่มูลนิธิกระจกเงาโดยมูลนิธิได้ดำเนินการตรวจสอบข้อมูลในระบบต่างๆ ไม่พบความเคลื่อนไหวใดๆ และพบข้อมูลการเดินทางออกนอกประเทศ และในปี 2563 มูลนิธิกระจกเงาได้ลงพื้นที่เก็บข้อมูลศพนิรนามในพื้นที่ 4 จังหวัดประกอบด้วย จ.ชลบุรี จ.ฉะเชิงเทรา จ.ปราจีนบุรี และ จ.สระแก้ว ก็พบว่ามีศพหญิงนิรนามต้องสงสัยว่าจะเป็นน้องหลิว 3 ศพ และช่วงเดือนธันวาคม พ.ศ. 2563 มูลนิธิกระจกเงา ได้รับข้อมูลว่า ผลดีเอ็นเอแม่น้องหลิวตรงกับศพหญิงนิรนามที่ถูกยิงเสียชีวิตทิ้งศพอำพรางในไร่อ้อยที่บ้านสี่แยก ต.ท่าเกวียน อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว
โดยขณะนั้น จนท.ตำรวจ สภ.วัฒนานคร รับแจ้งจากชาวบ้านว่า พบศพเมื่อวันที่ 13 พ.ย. 2555 ศพหญิงนิรนาม สภาพศพเน่าขึ้นอืดใบหน้าเปลี่ยนรูปมีรอยสักที่ข้อเท้า จากนั้นศพถูกนำส่งชันสูตรเบื้องต้นที่ รพ.วัฒนานครแพทย์ลงความเห็นให้ส่งผ่าชันสูตร ต่อที่สถาบันนิติเวชโรงพยาบาลตำรวจวันที่ 16 พ.ค.2555 สถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจผ่าศพชันสูตรพบบาดแผลฉีกขาดจากกระสุนปืนจากนั้นศพถูกนำไปฝากไว้ที่สุสานเอกชนแห่งหนึ่งใน จ.ชลบุรี
ต่อมาวันที่ 24 ธ.ค. 2563 มารดาน้องหลิวเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานจังหวัดสระแก้ว ตรวจเทียบกับศพนิรนามศพนี้วันที่ 20 ม.ค. 2564มารดาน้องหลิวเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอ ที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานจังหวัดสระแก้ว อีกครั้งเพื่อตรวจเทียบยืนยันกับศพนิรนามศพนี้ เนื่องจากการเก็บตัวอย่างครั้งแรกไม่สมบูรณ์และวันที่ 24 ม.ค. 2564 สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ ยืนยันผลดีเอ็นเออย่างเป็นทางการว่า ดีเอ็นเอแม่น้องหลิว มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับศพหญิงนิรนามศพนี้
ต่อมาเวลา 13.00 น. วันที่ 15 ก.พ. พ.ต.อ.สาธิต มิตรรัก ผกก.สภ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว พร้อมด้วย นายเอกลักษณ์ หลุ่มชมแข หัวหน้าศูนย์ข้อมูลคนหาย มูลนิธิกระจก และนายสมศักดิ์ ยอดพะเนา บิดา และ นางสุรีวรรณ ยอดพะเนา มารดา ของน้องหลิว ผู้เสียชีวิต และสื่อมวลชนทุกแขนง เดินทางไปที่บริเวณจุดที่พบศพน้องหลิว โดยทางคุณแม่ คุณแม่ น้องหลิว ได้จุดธูปเพื่อเรียกดวงวิญญาณน้องหลิวให้กลับบ้าน ซึ่งขณะจุดธูปบอก พ่อและแม่ ของน้องหลิว หลั่งน้ำตาเรียกลูกกลับบ้านด้วยความเสียใจ
ด้าน พ.ต.อ.สาธิต กล่าวว่า สำหรับคดีนี้เกิดขึ้นเมื่อ 8 ปีที่แล้ว และล่าสุดคือ วันที่ 28 ม.ค. 2564 ครอบครัวน้องหลิวเดินทางมาแจ้งความเพิ่ม ที่ สภ.วัฒนานคร จึงได้ดำเนินการสอบสวน โดยมี พล.ต.ท.รอย อิงคไพโรจน์ รรท.ผบช.ภ.2 สั่งการให้ พล.ต.ต.ณัฐพงษ์ สัตยานุรักษ์ ผบก.ภ.จว.สระแก้ว ตั้งคณะทำงานสอบสวน โดยมี พ.ต.อ.พีระพงษ์ เหล่าธนาวิน รอง ผบก.ภ.จว.สระแก้ว เป็นหัวหน้าคณะทำงาน ซึ่งขณะนี้ในทางคดีมีความคือหน้าไปมาก และในตอนนี้รอผลนิติวิทยาศาตร์ ส่วนประเด็นตั้งไว้ 3 ประเด็น คือ ชู้สาว ชิงทรัพย์ และความขัดแย้งส่วนตัว ซึ่งยังไม่ได้ตัดประเด็นใดออก อย่างไรก็ตาม ผู้กำกับ ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ตำรวจทำอย่างเต็มที่และจะสามารถปิดคดีนี้ได้ไม่เกินเดือน กุมภาพันธ์นี้อย่างแน่นอน
ด้านครอบครัว เผยว่า เหตุการณ์ที่ผ่านมาไม่คิดว่าลูกจะต้องเสียชีวิต ในใจคิดแต่ว่าลูกต้องไปทำงานที่ใดสักแห่งและก็รอว่าสักวันลูกจะกลับมาที่บ้าน แต่หลังๆมา เคยฝันเห็นลูกตัวดำมาที่หน้าบ้านเดินไปเดินมา จนกระทั่งมาทราบว่าลูกเสียชีวิตก็เสียใจมาก และก็อยากรู้ว่าทำไมคนร้ายจิตใจอำมหิต ทำไปเพื่ออะไร ฆ่าคนตายแล้วได้อะไร ส่วนตัวไม่ได้สงสัยใคร เชื่อมั่นว่าทางตำรวจจะนำตัวคนร้ายมาลงโทษได้ และอยากให้คนร้ายได้รับกรรมทางกฎหมายอย่างที่สุดซึ่งก็ไม่อโหสิกรรมให้คนร้าย ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนของกฎหมาย