ลอนดอน, 14 ก.พ. (ซินหัว) — เมื่อวันอาทิตย์ (14 ก.พ.) สหราชอาณาจักรเปิดเผยการตรวจพบผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) เพิ่ม 10,972 ราย ส่งผลให้ยอดผู้ป่วยสะสมรวมอยู่ที่ 4,038,078 ราย และผู้ป่วยเสียชีวิตเพิ่ม 258 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยเสียชีวิตรวมอยู่ที่ 117,166 ราย โดยนับเฉพาะผู้เสียชีวิตภายใน 28 วันหลังผลตรวจโรคเป็นบวกครั้งแรก
ขณะเดียวกันสหราชอาณาจักรได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 โดสแรกให้ประชากรกลุ่มเปราะบางที่สุดแล้วมากกว่า 15 ล้านคน โดยบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร ชี้ว่าความก้าวหน้าล่าสุดของการฉีดวัคซีนในประเทศว่าเป็น “ความสำเร็จที่ไม่ธรรมดา”
“ผมบอกได้เลยว่าตอนนี้เราฉีดวัคซีนให้ประชากรกลุ่มสำคัญ 4 กลุ่มแรกแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่มีแนวโน้มจะมีอาการป่วยหนักจากโรคโควิด-19 ในอังกฤษ ถือเป็นการบรรลุเป้าหมายแรกที่เราตั้งไว้” จอห์นสันเผยผ่านทวิตเตอร์ พร้อมเสริมว่าสหราชอาณาจักรได้จัดสรรกลุ่มผู้ฉีดวัคซีนมือดีที่สุดมาฉีดให้ประชาชนในประเทศ
ด้านนาดิม ซาฮาวี รัฐมนตรีผู้รับผิดชอบด้านวัคซีน เผยผ่านทวิตเตอร์ว่ารัฐบาลจะ “ทำงานอย่างต่อเนื่อง” จนกว่าวัคซีนจะถูกฉีดให้ผู้มีอายุ 50 ปีขึ้นไปครบทุกคนภายในสิ้นเดือนเมษายน โดยสหราชอาณาจักรตั้งเป้าหมายฉีดวัคซีนโดสแรกให้ผู้ใหญ่ทุกคนภายในฤดูใบไม้ร่วงนี้
ปัจจุบันอังกฤษอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์ ครั้งที่ 3 นับตั้งแต่การระบาดใหญ่อุบัติขึ้นในประเทศ โดยมีการบังคับใช้มาตรการข้อจำกัดที่คล้ายกันในสกอตแลนด์ เวลส์ และไอร์แลนด์เหนือ
อนึ่ง หลายประเทศทั่วโลก อาทิ สหราชอาณาจักร จีน เยอรมนี รัสเซีย และสหรัฐฯ กำลังแข่งกับเวลาในการพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เพื่อให้ประชาชนกลับมามีชีวิตที่เป็นปกติอีกครั้ง