ปชช.หวั่น"ขบวนการ"มุ่งแก้ ม.112 อันตรายต่อสถาบัน

2021-02-14 14:25:28

ปชช.หวั่น"ขบวนการ"มุ่งแก้ ม.112 อันตรายต่อสถาบัน

Advertisement

ซูเปอร์โพล ชี้ ปชช.หวั่น "ขบวนการ" แก้ ม.112 อันตรายต่อ "สถาบัน" จี้เช็กบิลต้นตอปัญหา


"พระองค์ภา"ทรงพระปรีชาสามารถฝึก"ดิ่งพสุรา-กระโดดร่มขั้นสูง"

"ตำรวจควบคุมฝูงชน"ยืนกรานปัดใช้"แก๊สน้ำตา"กับ"ราษฎร"


เมื่อวันที่ 13 ก.พ. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) นำเสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง ความกังวล แก้ ม.112 กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ โดยดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) จำนวน 1,376 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 11-13 ก.พ.ที่ผ่านมาพบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 98.3 เชื่อว่าขบวนการมุ่งแก้กฎหมาย มาตรา 112 อันตรายต่อสถาบันหลักของชาติ มากยิ่งขึ้นไปอีกที่ร้ายแรงยิ่งกว่า ขณะที่ร้อยละ 1.7 ไม่เชื่อ




ที่น่าห่วง คือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 97.1 กังวลขบวนการแก้กฎหมาย มาตรา 112 ต้องการให้เกิดความรุนแรง ในขณะที่ร้อยละ 2.9 ไม่กังวล ที่น่าพิจารณา คือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 98.6 เชื่อว่า ขบวนการแก้กฎหมาย มาตรา 112 ใช้ความกลัวของประชาชนเป็นจุดกระตุ้นให้ประชาชนเคลื่อนไหว ขณะที่ร้อยละ 1.4 ไม่เชื่อ นอกจากนี้ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 99.6 ระบุ หยุดการเคลื่อนไหวชุมนุมทุกรูปแบบช่วงโควิด ทั้งเรื่องการเมืองพม่า และแก้ ม.112 เพราะเป็นแหล่งแพร่เชื้อโควิด กลุ่มผู้ชุมนุมกำลังทำร้ายสร้างความไม่ปลอดภัยให้กับประชาชนทั้งประเทศ นอกจากนี้ ร้อยละ 99.1 ระบุ ปัญหาการเมืองของพม่า เป็นเรื่องของพม่า คนไทยมาช่วยกันแก้วิกฤตชาติและความทุกข์ยากของประชาชนจะดีกว่า ร้อยละ 98.6 เห็นด้วยกับการปฏิบัติการของตำรวจต่อกลุ่มผู้ชุมนุม ร้อยละ 97.3 ระบุต่อต้านการชุมนุมทุกเหตุผล ทั้งการเมืองในพม่า และการแก้กฎหมายมาตรา 112 และร้อยละ 94.8 ระบุ ควรจัดการกับต่างชาติกับคนไทยบางคน เช่น องค์กรต่างชาติท่อน้ำเลี้ยง นักการเมือง นักลงทุน นักวิชาการ และ ส.ส.ที่อยู่เบื้องหลังปลุกปั่นทำบ้านเมืองวุ่นวาย คนในชาติแตกแยก


ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวว่า "แก้ทำไม ถ้าไม่คิดร้ายผู้อื่น" ดังนั้นหยุดม็อบ แตะ ม.112 คือทางรอดของประเทศและประชาชน ไม่ตกเป็นเหยื่อของการปลุกปั่นสร้างความแตกแยกของคนในชาติ ผู้ใดมีเจตนาดี ไม่คุกคามผู้อื่น ไม่เบียดเบียนผู้อื่น ไม่ดูหมิ่นผู้อื่น ย่อมไม่เดือดร้อนจากกฎหมายมาตรา 112 แต่ผู้ที่มีเจตนาไม่ดีแอบแฝง มีจิตที่มุ่งคุกคามผู้อื่น เบียดเบียนผู้อื่น ย่อมจะต้องการแก้กฎหมายมาตรา 112 และถ้าขบวนการและกลุ่มผู้สนับสนุนเหล่านี้ชนะแก้ไขกฎหมายมาตรานี้ได้ พวกเขาคงจะมีเป้าหมายที่น่ากลัวมากขึ้นไปอีกถึงขั้นจะเอาผิดอะไรต่างๆ ตามมาอีกมากมายอย่างน่าสะพรึงกลัวในการทำลายสถาบันหลักของชาติ และทำร้ายจิตศรัทธาผู้อื่น เป็นเรื่องที่น่าพิจารณา ผลโพลนี้ยังชี้ให้เห็นว่า ประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการปฏิบัติการของตำรวจในการจัดการกับกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจไทยทำได้ดีกว่าหลายประเทศที่ใช้กระสุนจริงจัดการม็อบ ซึ่งรุนแรงกว่าประเทศไทยมาก การปฏิบัติการของตำรวจ ทำได้สูงกว่ามาตรฐานสากล แต่ทำไมหน่วยงานรัฐอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งไม่โดดเด่นเรื่องการจัดการกับขบวนการเบื้องหลัง ทั้งองค์กรต่างชาติ ท่อน้ำเลี้ยง นักการเมือง นักลงทุน นักวิชาการ ส.ส. ที่ออกมาใช้ตำแหน่งประกันผู้ทำความผิดต่างๆ เหล่านี้ถูกต้องหรือไม่ ทำไมจึงเงียบกริบ ไม่ทำหน้าที่กันเป็นทีม รออะไร