"นิด้าโพล" เผยประชาชาชนสนับสนุนปรับ "ครม.ประยุทธ์ 5"เหตุทำงานไม่มีประสิทธิภาพ พุ่งเป้า "เกษตรฯ-พาณิชย์-คลัง"วอนเร่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจความเป็นอยู่ของประชาชน
เมื่อวันที่ 12 พ.ย. “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง “การปรับ ครม. ประยุทธ์ 5” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 8 – 9 พ.ย.จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปี ขึ้นไปทั่วประเทศ กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา และอาชีพ รวมทั้งสิ้น 1,251 ตัวอย่าง โดยถามถึงความคิดเห็นเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยน ครม.ในช่วงก่อนการเลือกตั้ง ปลายปี 2561 พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 68.11 ระบุว่า เห็นด้วยเพราะ ครม.ชุดปัจจุบันยังทำงานและแก้ไขปัญหาได้ไม่ค่อยมีประสิทธิภาพ ประชาชนอยากเห็นคนใหม่ๆ ที่เหมาะสมกับตำแหน่งเข้ามาทำงาน มีวิสัยทัศน์หรือนโยบายใหม่ๆ มาใช้ในการบริหารประเทศ ทำให้เกิด การเปลี่ยนแปลงของประเทศไปในทิศทางที่ดีขึ้น รองลงมา ร้อยละ 16.71 ระบุว่า ไม่เห็นด้วย เพราะต้องการให้เกิดความต่อเนื่องในการแก้ไขปัญหาของประเทศ หากมีการปรับเปลี่ยนบ่อยครั้งจะทำให้หลายๆ นโยบายหรือโครงการต่างๆ ไม่ต่อเนื่อง อาจทำให้เกิดความวุ่นวาย และความขัดแย้งในบ้านเมือง บางส่วนระบุว่า คณะรัฐมนตรีชุดนี้ทำงานได้ดีอยู่แล้ว และร้อยละ 15.19 ไม่ระบุไม่แน่ใจ
ด้านความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับกระทรวงที่ต้องการให้มีการสลับสับเปลี่ยนการทำงานของคณะรัฐมนตรีมากที่สุดพบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 20.38 ระบุว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รองลงมา, ร้อยละ 16.07 ระบุว่า กระทรวงพาณิชย์, ร้อยละ 7.27 ระบุว่า กระทรวงการคลัง, ร้อยละ 6.08 ระบุว่า กระทรวงศึกษาธิการ, ร้อยละ 5.60 ระบุว่า ไม่ต้องการให้มีการปรับเปลี่ยน ครม., ร้อยละ 5.20 ระบุว่า กระทรวงมหาดไทย, ร้อยละ 4.40 ระบุว่า กระทรวงแรงงาน, ร้อยละ 3.44 ระบุว่า กระทรวงกลาโหม, ร้อยละ 2.32 ระบุว่า นายกรัฐมนตรี, ร้อยละ 2.08 ระบุว่า กระทรวงคมนาคม, ร้อยละ 2.00 ระบุว่า กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, ร้อยละ 1.84 ระบุว่า กระทรวงยุติธรรม และกระทรวงสาธารณสุข ในสัดส่วนที่เท่ากัน, ร้อยละ 1.20 ระบุว่า สำนักนายกรัฐมนตรี, ร้อยละ 0.96 ระบุว่า กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ร้อยละ 0.08 ระบุว่า กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
เมื่อถามถึงเรื่องที่ประชาชนอยากพัฒนาหรือแก้ไขในช่วงก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง ปลายปี 2561 พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 53.28 ระบุว่า ด้านเศรษฐกิจ รองลงมา ร้อยละ 31.12 ระบุว่า สวัสดิการของประชาชน ความเป็นอยู่ของประชาชน ร้อยละ 30.24 ระบุว่า ด้านการเกษตร ร้อยละ 15.28ระบุว่า ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน ร้อยละ 13.76 ระบุว่า ปัญหายาเสพติดและอาชญากรรม ร้อยละ 12.08 ระบุว่า ด้านระบบการศึกษา ร้อยละ 8.24 ระบุว่า ปัญหาความขัดแย้งในสังคม ร้อยละ 7.68 ระบุว่า การปฏิรูปประเทศ การแก้ไขกฎหมาย ร้อยละ 3.20ระบุว่า อื่น ๆ ได้แก่ ด้านการคมนาคม การจราจร การท่องเที่ยว ด้านสาธารณสุข การแพทย์ ด้านศาสนา และปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และร้อยละ 2.64 ระบุว่า ไม่มีปัญหาใดที่ต้องแก้ไข