ดีเดย์ 1 ก.ย.รีดภาษี"ไลน์-เฟซบุ๊ก-ยูทูบ" กว่า 5 พันล้าน ช่วยสร้างรายได้ยั่งยืนให้กับประเทศ
"คลัง"เคาะ"ม.33 เรารักกัน"เข้า ครม.วันจันทร์นี้
ดราม่าจนได้เคส "น้องลำโขง" โดนถลกหนัง
เมื่อวันที่ 12 ก.พ. นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยความคืบหน้ากรณีร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 53) พ.ศ.2564 หรือการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มกรณีการให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศ หรือe-Service ว่า ขณะนี้ได้ผ่านการพิจารณาของรัฐสภา และประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.นี้เป็นต้นไป ส่วนสาระสำคัญของกฎหมายฉบับดังกล่าว คือ ผู้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศ รวมทั้งอิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์มที่มีรายได้เกินกว่า 1,800,000 บาทต่อปีซึ่งไม่ใช่ผู้ประกอบการจดทะเบียน ซึ่งครอบคุลมการให้บริการ e-Service จากต่างประเทศ อาทิ การให้บริการดาวน์โหลดหนัง ภาพยนตร์ เพลง เกม สติกเกอร์ นายหน้า หรือสื่อโฆษณา เป็นต้น รวมทั้งแพลตฟอร์มต่างประเทศที่ให้บริการในประเทศไทย อาทิ Apple, Google, Facebook, Netflix, Line, Youtube และ Tiktok จะต้องนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นรายเดือนให้แก่กรมสรรพากร ภายใต้ระบบ pay-only โดยไม่ต้องจัดทำใบกำกับภาษีและรายงานภาษีซื้อ หากมีรายได้จากการให้บริการเกิน 1,800,000 บาทต่อปี
นายเอกนิติ กล่าวอีกว่า สำรับการจัดเก็บภาษีดังกล่าว มั่นใจว่าจะช่วยสร้างรายได้ที่ยั่งยืนให้กับประเทศ โดยคาดว่าการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มดังกล่าวจะทำให้มีเงินภาษีเพิ่มขึ้นถึงปีละ 5,000 ล้านบาท โดยกรมสรรพากร ได้เตรียมความพร้อมเพื่ออำนวยความสะดวกและให้บริการด้วยการพัฒนาระบบ Simplified VAT System for e-Service (SVE) ซึ่งเป็นระบบการจดทะเบียน การยื่นแบบ และการชำระภาษีมูลค่าเพิ่มที่มีความสะดวก และทันสมัย ช่วยให้ผู้ประกอบการใช้บริการได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์บนเว็บไซต์ของกรมสรรพากร