ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำคนใหม่ของสหรัฐอเมริกา สั่งเพิกถอนคำสั่งฉุกเฉินแห่งชาติ ที่อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ใช้ เพื่อเบิกเงินจากงบประมาณของรัฐบาลกลาง ในการก่อสร้างรั้วกำแพงกั้นตามแนวเขตแดนภาคใต้ ด้านติดกับเม็กซิโก
ในจดหมายที่ส่งถึงสภาคองเกรส ในกรุงวอชิงตัน เมื่อวันพฤหัสบดี (11 ก.พ.) ไบเดนเขียนว่า คำสั่งของทรัมป์หมดอำนาจ และจะไม่มีการใช้เงินภาษีของประชาชน ในการก่อสร้างกำแพงดังกล่าวอีกต่อไป
ทรัมป์ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เหนือเขตแดนภาคใต้ เมื่อปี พ.ศ. 2562 หลังเกิดเหตุการณ์ผู้อพยพจากลาตินอเมริกาไหลบ่าเข้าประเทศ ประกาศดังกล่าวทำให้ทรัมป์หลีกเลี่ยงการขออนุมัติจากสภาคองเกรส และหันไปใช้เงินงบประมาณของกองทัพ ในการก่อสร้างรั้วกำแพง
เมื่อทรัมป์พ้นจากตำแหน่งอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 10 ม.ค.ที่ผ่านมา โครงการก่อสร้างกำแพงตามแนวเขตแดนเม็กซิโก ใช้เงินไปแล้วประมาณ 25,000 ล้านดอลลาร์ หรือ 746,662 ล้านบาท โครงการนี้เป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญ ที่ทรัมป์ประกาศไว้ในระหว่างการรณรงค์หาเสียง ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อปี 2559 แต่ถูกต่อต้านอย่างหนัก จากพรรคเดโมแครต ที่ควบคุมเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร ทำให้ทรัมป์ซึ่งสังกัดพรรครีพับลิกัน ต้องใช้อำนาจฉุกเฉิน เพื่อเบิกงบประมาณใช้จ่ายในการก่อสร้าง
ความเคลื่อนไหวล่าสุดของไบเดน นับเป็นหนึ่งในการใช้อำนาจคำสั่งทางการบริหาร ยกเลิกคำสั่งโครงการสำคัญหลายชุด ที่ทรัมป์ได้ทำไว้
ในจดหมายที่ส่งถึงรัฐสภาสหรัฐ เมื่อวันพฤหัสบดี ไบเดนกล่าวอีกว่า เขาจะทบทวนทรัพยากรทั้งหมด ที่ถูกใช้ไปในการก่อสร้างกำแพงนี้.