เมื่อวันพุธ เจ้าหน้าที่กู้ภัยในรัฐอุตตราขัณฑ์ ทางภาคเหนือของอินเดีย ใช้โดรนค้นหาคนงานก่อสร้าง 35 คนที่ยังคงสูญหายในอุโมงค์ หลังเกิดเหตุน้ำท่วมฉับพลันไหลบ่าจากหุบเขา ทำลายเขื่อนและสะพานหลายแห่งตั้งแต่เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งจนถึงขณะนี้ ยังคงมีผู้สูญหายไม่ทราบชะตากรรมจากเหตุดังกล่าว 204 คน ส่วนใหญ่เป็นคนงานของโครงการไฟฟ้าพลังน้ำ “ตาโปวัน วิษณุกัต” (Tapovan Vishnugad) และเขื่อนริชิกังกา (Rishiganga) ที่ถูกกระแสน้ำพัดทำลายไป
เจ้าหน้าที่ระบุว่า ได้ส่งโดรนหนึ่งตัวพร้อมกล้องห้าตัวเข้าไปในอุโมงค์ติดต่อกันเป็นวันที่สอง แต่ยังไม่พบผู้รอดชีวิตหรือร่างผู้เสียชีวิตในอุโมงค์แต่อย่างใด วิเวก ปานเดย์ โฆษกตำรวจชายแดนอินเดีย-ทิเบต ระบุว่า อากาศในฤดูหนาวอาจทำให้ผู้ที่ติดอยู่ในอุโมงค์เสียชีวิตจากภาวะอุณหภูมิร่างกายต่ำกว่าปกติได้ โดยขณะนี้พบผู้เสียชีวิตแล้ว 32 ศพที่บริเวณไหล่เขาหิมาลัยและแม่น้ำธออุลีกังกา
เจ้าหน้าที่ระบุว่า ได้ขุดเอาโคลนหนากว่า 80 เมตรที่ปิดทางเข้าอุโมงค์ออกไปแล้ว แต่ยังคงต้องขุดโคลนอออกไปอีกอย่างน้อย 80 เมตรถึงจะเข้าถึงจุดที่เชื่อว่าคนงานติดอยู่ได้ นอกจากนี้ยังมีหินขนาดใหญ่หลายก้อนปิดทางอยู่ รวมถึงมีตะกอนและน้ำไหลเข้าอุโมงค์ ทำให้ภารกิจกู้ภัยเป็นไปอย่างยากลำบากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ทีมนักวิทยาศาสตร์ยังได้บุกสำรวจแหล่งธารน้ำแข็ง เพื่อตรวจสอบหาสาเหตุของน้ำท่วมฉับพลันครั้งนี้ โดยเบื้องต้นคาดว่าเกิดจากธารน้ำแข็งที่แตกตัวลงแม่น้ำ แต่นักวิทยาศาสตร์บางส่วนเห็นว่า น่าจะเกิดจากเหตุหิมะถล่มมากกว่า อย่างไรก็ตาม สาเหตุของความเป็นไปได้ที่จะเกิดเหตุการณ์นี้ก็มีหลากหลาย ทั้งหิมะถล่มทำให้ทะเลสาบน้ำแข็งแตกหรือไม่? หรือเกิดหิมะถล่มหรือดินถล่ม ลงในแม่น้ำ จนทำให้เกิดน้ำเอ่อล้นฝัง? หรือไม่ก็ก้อนน้ำแข็งแตกตัวออกจากธารน้ำแข็งเนื่องจากอุณหภูมิที่สูงขึ้น?
เหตุน้ำท่วมฉับพลันครั้งนี้ยังทำให้เกิดความกังวลต่อการดำเนินโครงการไฟฟ้าพลังน้ำในเขตภูเขาที่มีความอ่อนไหวทางนิเวศวิทยานี้ด้วย