"ปิยบุตร" ระบุคำตัดสินศาลยกคำร้องระงับคลิป "ธนาธร" ไลฟ์วัคซีนโควิด-19 สร้างบรรทัดฐานใหม่ ช่วยแก้ปัญหากฎหมายละเมิดสิทธิเสรีภาพประชาชน
"แอน จักรพงษ์" เสียใจ โกรธ "ณ"ทำตัวเหมือนเปาบุ้นจิ้นพูดเหมือนเราไม่มีเงาหัวในสายตาเขา
"ณวัฒน์"เคลียร์บุญคุณกับผู้สนับสนุนเป็นสัญญาต่างตอบแทน แฉอีกฝ่ายจ่ายเงินช้าทวงแล้วทวงอีก
เมี่อวันที่ 8 ก.พ. ที่ผ่านมา นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ได้ทำการไลฟ์ในเฟซบุ๊กแฟนเพจ Piyabutr Saengkanokkul - ปิยบุตร แสงกนกกุล รายการสนามกฎหมาย EP.19 โดยระบุว่า วันนี้ศาลอาญาได้ยกคำร้องที่ขอให้ศาลมีคำสั่งระงับการทำให้แพร่หลายซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นผู้ร้องขอให้ศาลสั่งปิด URL 3 ลิงค์ คือ เฟซบุ๊กไลฟ์ของนายธนาธร วิดีโอที่เผยแพร่อยู่ในยูทูบ และเว็บไซต์ของคณะก้าวหน้าที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการจัดหาวัคซีนโควิด-19 โดยกระทรวงดิจิทัลฯได้อาศัยช่องทางกฎหมายตามมาตรา 20 แห่ง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ในการยื่นคำร้องให้มีการลบเนื้อหาดังกล่าว โดยศาลอาญาได้ตัดสินยกคำร้อง ดังนั้นจึงไม่ต้องระงับการเผยแพร่คลิปวัคซีนของนายธนาธร ตามการพิจารณาคดีของศาล คดีหมายเลขแดงที่ พศ 76/2564
นายปิยบุตร ได้ตั้งข้อสังเกตว่า การตัดสินคดีหมายเลขแดงที่ พศ 76/2564 ของศาลได้สร้างบรรทัดฐานใหม่ เป็นการสร้างหลักประกันให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องและยังสร้างหลักประกันให้แก่ประชาชนที่ใช้สิทธิและเสรีภาพในการแสดงออกผ่านทางช่องทางเครื่อข่ายคอมพิวเตอร์ต่างๆ นี่เป็นนิมิตรหมายที่ดี ศาลท่านไม่ได้อ้างแต่รัฐธรรมนูญ แต่ท่านยังได้อ้างถึงข้อตกลงระหว่างประเทศที่เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนด้วย ไม่ว่าจะเป็นปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติหรือกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ศาลท่านนำมาใช้ด้วย ตรงนี้หมายความว่าแนวทางการตัดสินคดีเกิดขึ้นแล้ว ถ้าหากกระทรวงดิจิทัลฯขอมาให้สั่งปิดเว็บไซด์ ศาลท่านก็จะมานั่งดูก่อนว่ามาตรการสั่งให้ปิด มาตรการสั่งให้ลบ ได้สัดส่วนหรือเกินกว่าเหตุหรือไม่ มีความจำเป็นหรือพอเหมาะพอควรหรือไม่ นี่เป็นมาตรฐานในการวัดว่ามาตรการในการจำกัดเสรีภาพต่างๆ เหล่านี้พอสมควรแก่เหตุหรือไม่ ยิ่งไปกว่านั้น ในคำวินิจฉัยของศาล ท่านยังได้เน้นให้การตีความคำว่า อาจกระทบต่อความมั่นคงตามประมวลกฎหมายอาญา ต้องตีความโดยเคร่งครัดและเป็นภาวะวิสัย ซึ่งภาวะวิสัยหมายถึงเป็นเรื่องที่วิญญูชนทุกคนเห็นแล้ว เห็นพ้องต้องกันว่าเป็นเช่นนั้นมิใช่มุมมองของคนใดคนหนึ่ง เป็นการแสดงให้เห็นว่าแม้ พ.ร.บ.หลายๆ ฉบับในประเทศไทยที่ออกกันมาแล้วมันมีปัญหาในทางตัวบทว่าละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชนมากจนเกินไป รวมทั้งกฎหมายหลายๆ ตัวออกมาแล้ว การใช้กฎหมายหรือแนวทางปฏิบัติเป็นไปในทางลิดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชน แต่ศาลอาจจะเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาตรงนี้ได้ผ่านการตัดสินคดี ผ่านการวางแนวคำพิพากษา อีกทั้งในช่วงเวลาที่เรามีความรู้สึกว่ากฎหมายจำนวนมากออกมาละเมิดสิทธิ ซึ่งออกมาในช่วงที่เป็นรัฐบาลที่มาจากการยึดอำนาจ ตอนนี้เรามีศาลที่ผดุงความยุติธรรม ยึดมั่นในเรื่องหลักสิทธิเสรีภาพแล้วก็สามารถนำหลักการพื้นฐานต่างๆ มาปรับใช้กับการตัดสินคดีเพื่อคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของบุคคล และคุ้มครองเสรีภาพในการแสดงออกด้วย