"พิธา" ซัดข้ออ้าง "บิ๊กตู่" ฟังไม่ขึ้น ให้อภัยไม่ได้ปมจัดหาวัคซีนโควิด-19 ล่าช้า
ผงะ!คลัสเตอร์โควิด "แม่ค้าหมู" ติดเชื้อแล้ว 87 ราย
"มาช่า"โชว์โยคะท่ายาก "ใหญ่ อมาตย์"แซวแค่ชุดก็กินขาด
"หมอล็อต"เปิดสาเหตุ "เป็ดแดง"สัตว์ป่าคุ้มครองตายเกลื่อนทุ่งนา
"แอน จักรพงษ์"เดือดไล่ "ณ" ไปแปลงเพศ
เมื่อวันที่ 8 ก.พ. นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้แสดงความคิดเห็นผ่านเฟซบุ๊กกกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ตอบข้อสงสัยเรื่องการจัดซื้อและแจกจ่ายวัคซีนโควิด-19 ผ่าน PM PODCAST ในวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า การที่นายกรัฐมนตรีอ้างว่าที่ประเทศไทยไม่มีการจัดซื้อวัคซีนที่ครอบคลุมจำนวนประชากรอย่างเหมาะสมและมีแผนการฉีดวัคซีนมีความล่าช้า มีสาเหตุมาจากข้อติดขัดจากระเบียบราชการและข้อกฎหมาย เพราะการจองวัคซีนล่วงหน้าโดยที่ยังไม่ทราบผลการทดลองวัคซีนเฟส 3 ประเทศไทยในขณะนั้นยังไม่มีกลไกการจัดหาวัคซีนที่มีเงื่อนไขในการจ่ายเงินก่อนโดยที่มีโอกาสไม่ได้รับวัคซีนหากการวิจัยล้มเหลว ข้อกล่าวอ้างดังกล่าวเป็นการมุ่งเบี่ยงเบนประเด็น ให้ความล่าช้าในการจัดหาวัคซีน มีสาเหตุมาจากข้อกฎหมายของระบบราชการไทย รวมทั้งยังบอกเป็นนัยว่าที่ไม่สามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของโลกได้ทันเป็นเพราะ พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้าง 2560 ซึ่งระเบียบราชการที่จะซื้อของ ต้องเขียนสเป็กของละเอียด ซื้อแล้วต้องได้ของ ต้องรู้ราคาที่จะซื้อ รู้จำนวน รู้กำหนดส่งมอบ หากผิดจากนี้ซื้อไม่ได้ แต่คุณประยุทธ์ คงลืมไปว่า พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้าง 2560 ฉบับนี้เกิดขึ้นในสมัยที่ตนเองเป็นนายกรัฐมนตรีที่มีอำนาจเต็มและเป็นหัวหน้าคณะรัฐประหาร ที่อ้างว่าจะเข้ามาปฏิรูปประเทศในด้านต่างๆ เรื่องการจัดหาวัคซีน หากเชื่อดังคำที่คุณประยุทธ์กล่าวอ้าง ก็ยังสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ด้วยการออกเป็นพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมผ่านสภาได้ หรือหากเกรงว่าจะเกิดความล่าช้า ก็สามารถขอให้สภาผ่าน 3 วาระรวดให้ก็ได้ ผมและพรรคก้าวไกล ก็พร้อมที่จะยกมือโหวตให้ผ่าน 3 วาระรวดเพราะเรื่องการจัดหาวัคซีนนี้ เป็นเรื่องที่มีความเร่งด่วน มีความสำคัญกับชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนและเป็นหนทางในการพาประเทศออกจากวิกฤตครั้งนี้ไปได้ อีกทั้ง ลำพังเสียงข้างมากในรัฐสภาตอนนี้ก็เป็นของรัฐบาล สามารถยกมือผ่านกฎหมายต่างๆ ได้เองอยู่แล้ว
นายพิธา กล่าวด้วยว่า หากนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี ไม่อยากนำกฎหมายไปให้รัฐสภาพิจารณา และเรื่องเช่นว่านั้นเป็นเรื่องที่มีความจำเป็นและฉุกเฉิน ซึ่งกรณีการจัดหาวัคซีนเข้าองค์ประกอบความจำเป็นและฉุกเฉิน ฝ่ายบริหารจึงมีอำนาจตรากฎหมายแทนสภาสามารถออกเป็นพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ได้เอง หรือในกรณีที่นายกรัฐมนตรีเสพติดการใช้อำนาจพิเศษ ก็สามารถใช้อำนาจตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินได้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือนายกรัฐมนตรีนึกออกแต่ตอนใช้กฎหมายพิเศษนี้ในกรณีกดปราบประชาชน แต่เมื่อต้องใช้อำนาจเพื่ออำนวยการให้การบริหารราชการเป็นไปด้วยความมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว ปลดล็อกกฎระเบียบราชการกลับนึกไม่ออก อีกทางหนึ่ง ตามพ.ร.บ.ความมั่นคงด้านวัคซีนแห่งชาติ มาตรา 18 ก็ได้ให้อำนาจ รมว.สาธารณสุขตามความเห็นชอบของคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ สามารถจัดหาวัคซีนในยามฉุกเฉินได้ ซึ่งท่านกลับใช้กฎหมายนี้เพื่อจัดหาวัคซีนจากแอสตร้าซีเนก้า โดยที่ในเวลานั้นยังไม่ทราบผลการทดลองวัคซีนเฟส 3 ด้วยซ้ำ
หัวหน้าพรรคก้าวไกล ยังกล่าวด้วยว่า วิธีการแก้ไขปัญหามีอยู่ การแก้ตัวของคุณประยุทธ์ จึงฟังไม่ขึ้นและเป็นเรื่องที่ไม่น่าให้อภัยเป็นอย่างยิ่ง เพราะปีที่ผ่านมาและปีนี้โจทย์การแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ และการบริหารราชการแผ่นดินที่สำคัญที่สุดคือ การจัดการปัญหาโควิด และการจะแก้ไขปัญหาโควิดได้ คือ การจัดหาและฉีดวัคซีนให้รวดเร็วครอบคลุมประชากรเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้เร็วที่สุด แต่จากข้อมูลหลายแห่งที่ได้ชี้ตรงกันคือ สุดท้ายแล้ว ประเทศไทยจะได้รับวัคซีนหลังเพื่อนทั่วโลก รวมทั้งวัคซีนที่คนไทยจะได้นั้นจะทั้งช้าและทั้งราคาแพงว่าคนอื่นอีกด้วย หากเราฉีดวัคซีนให้ประชาชนได้ช้าจะเกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจ ซึ่งก็เป็นรัฐบาลคุณประยุทธ์ที่เป็นผู้ประมาณการว่า จะทำให้สูญเสียเดือนละกว่า 2.5 แสนล้านบาท และอย่าลืมว่าคนที่แบกรับต้นทุนเหล่านี้คือประชาชนคนหาเช้ากินค่ำ และคนในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยที่มีจำนวนนับล้านคนที่กำลังลำบากในเวลานี้การที่จัดหาวัคซีนช้าแม้เพียงวันเดียวก็เป็นราคาที่พวกเขาต้องเป็นผู้จ่าย นี่เป็นความรับผิดชอบของนายกรัฐมนตรีอย่างปฎิเสธไม่ได้ หน้าที่ของนายกรัฐมนตรีในยามวิกฤตที่ประเทศอยู่ในความมืดมน คือเป็นผู้นำไปหาแสงสว่าง และหาทางออกจากความมืดนี้ โดยใช้สติปัญญา กล้าตัดสินใจ หาวิธีแก้ไขปัญหาต่างๆ ให้มีความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ไม่ใช่เมื่อเจออุปสรรคก็นำมาเป็นข้ออ้างปัดความรับผิดชอบหรือใช้เป็นข้อแก้ตัวเมื่อจนตรอก