สื่อญี่ปุุ่นประโคมข่าวใหญ่คนขับรถตู้มรณะหลับในเสยท้าย 10 ล้อ ส่งผลให้ชาวญี่ปุ่นเสียชีวิต 4 ศพ พร้อมไกด์สาวชาวไทย 1 ศพ เผยชาวญี่ปุ่นเป็นอายุรแพทย์มือดี รพ.ในเมืองเกียวโต อีกคน ผอ.รพ.เมืองโอซาก้า ตอนแรกมีแผนจะไปพักผ่อนที่อเมริกาแต่ตัดสินใจมาเมืองไทยจนประสบอุบัติเหตุ
เมื่อวันที่ 10 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีเกิดอุบัติเหตุรถตู้นำเที่ยวพุ่งชนท้ายรถบรรทุก 10 ล้อจนไฟลุกท่วมในพื้นที่ อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 5 ราย ซึ่งในจำนวนนี้เป็นนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่น 4 รายและไกด์ชาวไทย 1 ราย ล่าสุดผู้ใช้เฟซบุ๊ก “Thanakorn Jaisuksakuldee” โพสต์ข้อความพร้อมภาพระบุว่า ทำไมอุบัติเหตุทางรถยนต์บ้านเรามันมากมายเหลือเกินน้อ เมื่อวานนี้เพื่อนๆคงได้ข่าวอุบัติเหตุรถตู้นำนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นเที่ยวเมืองไทยประสบอุบัติเหตุชนเข้ากับรถบรรทุก ในระหว่างที่กำลังเดินทางไปเที่ยวจ.พระนครศรีอยุธยา จนทำให้นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นเสียชีวิตไป 4 ราย พร้อมกับเพื่อนมัคคุเทศก์รุ่นพี่ของผมเองอีกท่านหนึ่งก็เสียชีวิตไปด้วยอย่างน่าเศร้าใจ
ข่าวภาษาญี่ปุ่นรายงานว่า ตำรวจไทยสันนิษฐานว่า คนขับรถตู้วัย 50 ปี ซึ่งเป็นคนที่มีประสบการณ์การขับรถสูงมาก แต่น่าจะเกิดการหลับใน เพราะตำรวจไม่พบร่องรอยการใช้เบรคแต่อย่างใด และคาดว่าขับรถมาด้วยความเร็วพอสมควรอยู่ ขอให้เพื่อนๆชาวไทยเพิ่มความระมัดระวังการขับขี่ให้มากขึ้นด้วยนะครับ ประมาทแค่ชั่วพริบตาเดียว ชีวิตเปลี่ยนไปตลอดกาล นอกจากนั้นยังทำให้คนอื่นได้รับความเดือดร้อนอีกด้วยล่ะ
เพิ่มเติมหนังสือพิมพ์ญี่ปุ่นลงข่าวใหญ่ในญี่ปุ่นทั้งข่าวทีวีด้วยครับ ตามข่าว 1ใน 4คนที่เสียชีวิตเป็นถึงศัลยแพทย์มือระดับดีและเป็นผู้บริหารโรงพยาบาลด้วย เดินทางมาใช้เวลาพักผ่อนในช่วงวันหยุดแต่กลับต้องกลายเป็นวันหยุดยาวของชีวิตอย่างน่าเศร้าใจ ผู้เสียชีวิตชาวญี่ปุ่นเป็นสองสามีภรรยาจากเมืองเกียวโต สองแม่ลูกจากเมืองโอซากะ และมัคคุเทศก์หญิงชาวไทย ส่วนคนขับรถได้รับบาดเจ็บสาหัส ขอแสดงความเสียใจด้วยจริงๆครับ R.I.P. ขอให้ดวงวิญญาณของทุกท่านไปสู่สุคติด้วยเถิด เศร้าจังวันนี้
ข่าวภาคค่ำทีวีญี่ปุ่นออกข่าวล่ะ ชาวญี่ปุ่นที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถยนต์ที่อยุธยา ท่านหนึ่งเป็นถึงอายุรแพทย์มือดีของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเมืองเกียวโต และอีกท่านหนึ่งมีตำแหน่งถึงนายแพทย์ผู้อำนวยการโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเมืองโอซาก้าเลยล่ะครับ ตอนแรกคุณหมอมีแผนที่จะเดินทางไปพักผ่อนที่อเมริกาแต่แล้วก็ตัดสินใจเดินทางมาพักผ่อนใช้วันหยุดยาวที่เมืองไทยพร้อมครอบครัว
แต่ก็ต้องมาพบจุดจบและได้นอนหลับไปตลอดกาล ขอแสดงความเสียใจกับญี่ปุ่นด้วยที่ต้องมาสูญเสียทรัพยากรบุคคลไปอีกอย่างน่าเสียดาย โดยคุณหมอ Narimoto Katsuhiko วัย 65 ปี เดินทางมาพร้อมกับลูกสาวคือ คุณ Narimoto Haruka อายุ 30 ปี และคุณหมอ Komeima Yoshio อายุ 68 พร้อมด้วยภรรยาคือคุณ Komeima Kumiko อายุ 59 ปี ทั้งสี่ท่านเสียชีวิตคาที่พร้อมกับมัคคุเทศก์ภาษาญี่ปุ่นผู้หญิงชาวไทย งานนี้บริษัททัวร์ญี่ปุ่นอ่วมอรทัยอย่างแน่นอน เตรียมตัวหาเงินมาจ่ายค่าเสียหายโลด อย่างน้อยๆต้องมีล่ะเป็นร้อยล้านบาทไทย หรืออาจจะมากกว่านั้น ไม่อยากจะคิด
เพื่อนไกด์ที่เมืองไทยให้ข้อมูลมาว่า คนขับรถตู้ทำทัวร์บางคนชอบขับรถเร็วเกินเหตุ เตือนก็ไม่ฟังหรอก เพราะอีโก้สูงจัด กลางคืนไม่หลับไม่นอนกันหรอก ชอบเล่นไพ่กันยันสว่าง จากนั้นก็หลับในสิครับ หมดคำจะพูดล่ะ หมายเหตุ ครอบครัวของผู้เสียหายได้ออกเดินทางไปเมืองไทย เพื่อตรวจสอบและยืนยันตัวผู้เสียชีวิตแล้วนะครับ
ด้านเว็บไซต์เกียวโตนิวส์ ของเมืองเกียวโต ได้เผยแพร่ข่าวรถตู้ประสบอุบัติเหตุ ซึ่งรายงานข่าวระบุว่า ผู้เสียชีวิตทั้ง 4 รายได้เดินทางออกจากนครโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น เพื่อมาที่ กทม. และ จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 7 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยมีกำหนดเดินทางกลับประเทศญี่ปุ่นในวันที่ 10 พ.ย.
รวมถึงยังให้ข้อมูลอีกว่า ประเทศไทยแม้จะมีระบบโครงสร้างพื้นฐานดีกว่าหลายประเทศในภูมิภาคอาเซียน แต่กลับมีอัตราการเสียชีวิตบนท้องถนนมากที่สุดติดอันดับโลก โดยข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก ระบุว่า ในแต่ละปีจะมีคนเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนในประเทศไทยประมาณ 24,000 คน
ทั้งนี้มีผู้เข้าเข้ามาแสดงความเสียใจต่อการสูญเสียครั้งนี้ พร้อมเรียกร้องให้ปรับพฤติการณ์การขับขี่รถตู้โดยสาร ที่ทุกวันนี้หาความปลอดภัยได้ยาก โดยขอให้ระมัดระวัง และมีสติในการขับรถโดยไม่ประมาท
ขณะที่นายจรัญ อักษรศรี อายุ 52 ปี ผู้ขับรถตู้ ที่พานักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นพร้อมไกด์ ประสบอุบัติเหตุชนท้ายรถสิบล้อ ได้ยอมรับกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าในวันที่เกิดเหตุนอนเวลา 24.00 น. และตื่นในเวลา 04.00 น.ของวันที่เกิดเหตุ ต่อมาเวลา 05.00 น. ได้เดินทางไปรับคณะนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นพร้อมไกด์คนไทย ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ก่อนจะนำทั้งหมดเดินทางมาท่องเที่ยวตามโปรแกรมที่วางไว้จ.พระนครศรีอยุธยา โดยปกติเมื่อพานักท่องเที่ยวมาเที่ยวแล้ว จะได้นอนพัก 1 ชม.ในช่วงบ่าย แต่วันที่เกิดเหตุไม่ได้นอนพักตามที่คาดไว้ เมื่อท่องเที่ยวในเขตอำเภอบางปะอินเสร็จสิ้นจะพานักท่องเที่ยวมารับประทานและชมโบราณสถานในช่วยค่ำ เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุได้วูบหลับไปจนประสบอุบัติเหตุ
ขอบคุณเฟซบุ๊ก : thanakorn jaisuksakuldee