กทม.ยันอัตราค่าโดยสารสายสีเขียว 104 บาทเหมาะสมแล้ว

2021-02-01 18:50:00

กทม.ยันอัตราค่าโดยสารสายสีเขียว 104 บาทเหมาะสมแล้ว

Advertisement

กทม.แจงยอมแบกภาระขาดทุน ยันอัตราค่าโดยสารสายสีเขียว 104 บาท เหมาะสมแล้ว

คณบดีศิริราชเผย ผวจ.สมุทรสาครยิ้มให้ภรรยา

ตรวจผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดประจำวันที่ 1 ก.พ.2564

รวมเลขเด็ด 10 สำนัก งวดวันที่ 1 ก.พ.2564



เมื่อวันที่ 1 ก.พ. นายประพาส เหลืองศิรินภา ผอ.สำนักการจราจรและขนส่ง กทม. เปิดเผยว่า การเปิดให้บริการเดินรถโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ และหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ที่ทยอยเปิดให้บริการเดินรถมาตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย. 61 และเปิดให้บริการเดินรถเต็มทั้งระบบเมื่อวันที่ 16 ธ.ค. 63 โดยในช่วงทดลองให้บริการขณะที่ยังไม่ได้เดินรถเต็มรูปแบบ ไม่ได้เรียกเก็บค่าโดยสารจากผู้ใช้บริการเป็นเวลาเกือบ 3 ปี อันเป็นการช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางของประชาชน อย่างไรก็ตาม เมื่อเปิดให้บริการเดินรถเต็มทั้งระบบแล้ว ประกอบกับกรุงเทพมหานครมีภาระค่าใช้จ่ายในการเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย จึงจำเป็นต้องเริ่มเรียกเก็บค่าโดยสารจากผู้ใช้บริการในส่วนต่อขยายสายสีเขียว ตั้งแต่วันที่ 16 ก.พ. 64 เป็นต้นไป โดยผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนหลัก ช่วงหมอชิต-อ่อนนุช ยังคงเสียค่าโดยสารในอัตราเดิมและไม่มีการเรียกเก็บค่าแรกเข้าซ้ำซ้อนกันระหว่างโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนหลัก (หมอชิต-อ่อนนุช และสะพานตากสิน-สนามกีฬาแห่งชาติ) กับโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย (ช่วงสะพานตากสิน-บางหว้า อ่อนนุช-แบริ่ง ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ และช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต) โดยประชาชนจะจ่ายค่าแรกเข้าเพียงครั้งเดียวต่อรอบ


นายประพาส  กล่าวต่อว่า จากการคำนวณอัตราค่าโดยสารโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวสูงสุดตลอดสายจะรวมเป็นเงิน 158 บาท แต่เพื่อบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประชาชนในสถานการณ์การระบาดของโรค COVID-19 กรุงเทพมหานครจึงปรับลดอัตราค่าโดยสารสูงสุดตลอดสายลงมาอยู่ที่ 104 บาท ซึ่งจะส่งผลให้กรุงเทพมหานครจะมีผลขาดทุนจากการดำเนินการส่วนต่อขยายประมาณปีละ 3,000-4,000 ล้านบาท โดยเมื่อนับรวมตั้งแต่ปี 64 – 72 จะมีผลขาดทุนรวมประมาณ 30,000-40,000 ล้านบาท ที่ผ่านมากรุงเทพมหานครตระหนักถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประชาชน จากการปรับอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียว โดยได้ศึกษาแนวทางการดำเนินการต่างๆ ซึ่งเห็นว่า แนวทางการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (Public-Private Partnership: PPP) เป็นแนวทางที่เหมาะสมที่สุดในการแก้ปัญหาโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว เพื่อให้กรุงเทพมหานครสามารถกำหนดอัตราค่าโดยสารที่ไม่เป็นภาระต่อประชาชนมากเกินไปและจะทำให้ประชาชนได้รับบริการสาธารณะที่สะดวก ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพต่อไป