นายกรัฐมนตรีย้ำรัฐบาลพยายามแก้ไขปัญหาอย่างถูกจุด เน้นปากท้องการดำรงชีพ ดูแลเศรษฐกิจควบคู่แนวทางด้านสาธารณสุข พร้อมขอความร่วมมือทุกคนปฏิบัติตนโดยเคารพกฎหมาย
"ข้าวโอ๊ต"เปิดใจทั้งน้ำตา รับถือเค้กเซอร์ไพรส์ "ดีเจมะตูม"ที่คอนโดไม่ใช่โรงแรม
"สิงโต"ขู่ดำเนินคดี คนเอาภาพฝรั่งอุ้มหมาไปทำข่าวหากินให้คนเข้าใจผิด
เมื่อวันที่ 27 ม.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ร่วมพูดคุยกับประชาชนผ่าน PM PODCAST เน้นสื่อสารตรงไปยังประชาชน สรุปประเด็นดังนี้ ในช่วงแรกนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า แม้ว่าในช่วงนี้จะไม่ได้ลงพื้นที่ไปพบกับพี่น้องประชาชนเพื่อลดความเสี่ยงตามมาตรการสาธารณสุข แต่ในขณะเดียวกันได้มีการประชุมกลุ่มย่อยทั้งภาครัฐ เอกชน และผู้ที่ได้รับผลกระทบเพื่อทราบถึงปัญหาที่แท้จริง และแก้ปัญหาให้ถูกจุด เน้นเรื่องปากท้องการดำรงชีพ ดูแลเศรษฐกิจควบคู่ไปกับแนวทางด้านสาธารณสุข โดยได้สั่งการให้กระทรวงการคลังและกระทรวงแรงงาน หาแนวทางช่วยเหลือผู้ประกันตน มาตรา 33 ซึ่งล่าสุด ครม. ได้ลดอัตราเงินสมทบประกันสังคมเหลือ 3 เปอร์เซ็นต์ ตั้งแต่เดือน ม.ค. – มี.ค. 2564 และหากว่างงานจะได้รับชดเชยหรือเยียวยา กรณีถูกเลิกจ้าง จะได้รับเงินชดเชย 70 เปอร์เซ็นต์ ของค่าจ้าง กรณีเหตุสุดวิสัย ได้รับเงินเยียวยา 50% ของเงินเดือน สูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท เป็นต้น
นายกรัฐมนตรีกล่าวถึง การประชุม ครม.ได้มีมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติม เช่น ลดภาษีที่ดิน สิ่งปลูกสร้าง 90 เปอร์เซ็นต์ ลดค่าธรรมเนียมการโอนและจำนอง 0.01 เปอร์เซ็นต์ ยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปีสถานประกอบการสปา นวดเพื่อสุขภาพ ขยายเวลายื่นภาษีบุคคลธรรมดาออกไปจนถึง 30 มิ.ย. 2564 และการลงทะเบียน โครงการเราชนะ สำหรับผู้ที่ไม่มีฐานข้อมูลที่จะเริ่ม 29 มกราคม สำหรับกลุ่มอาชีพอิสระ หาบเร่แผงลอย รับจ้าง เกษตรกร ที่มีฐานข้อมูลอยู่แล้ว ประมาณ 30 ล้านคน รัฐบาลก็จะช่วยเหลือเงินเยียวยา 2 เดือน รวม 7,000 บาท ตั้งแต่เดือนม.ค. – ก.พ.2564 นี้ สามารถใช้จ่ายได้ผ่านร้านธงฟ้า ร้านหาบเร่แผงลอย หรือใช้เป็นค่าเดินทาง สำหรับผู้ประกอบการที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ “เราชนะ” ได้ เป็นต้น
นายกรัฐมนตรียังยืนยันว่าคนไทยทุกคนจะได้รับการฉีดวัคซีนโควิดฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ยกเว้นเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี และสตรีมีครรภ์ พร้อมย้ำว่าวัคซีนที่เข้ามาจะต้องผ่านการรับรองของ อย. เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของประชาชน โดยกำหนดกลุ่มเป้าหมายไว้ประมาณ 19 ล้านคน ได้แก่ บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้า ผู้มีโรคประจำตัว ผู้สูงอายุ 60 ปี ขึ้นไป เจ้าหน้าที่ที่ควบคุมโควิดและมีโอกาสสัมผัสกับผู้ป่วย โดยวัคซีนล็อตแรก 50,000 โดส ที่จะเข้ามาเร็ว ๆ นี้ จะฉีดให้กับบุคลากรสาธารณสุข และตำรวจ ทหาร เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ในพื้นที่เสี่ยง ก่อนเป็นลำดับแรก เพื่อความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติงาน ตั้งแต่วันที่ 14 ก.พ.564 เป็นต้นไป ส่วนในระยะที่ 2 จะเริ่มประมาณเดือน พ.ค.2564 ครอบคลุมประชาชนกลุ่มที่มีความเสี่ยงในลำดับถัดไป ซึ่งเพียงพอกับความต้องการคนไทยทั้งประเทศ พร้อมย้ำว่าประเทศไทยจะกลายเป็นฐานการผลิตวัคซีนของอาเซียน โดยดำเนินการตั้งแต่ต้นน้ำ จากการที่ได้รับถ่ายทอดเทคโนโลยีจากต่างประเทศตามที่รัฐบาลกำหนดไว้
นายกรัฐมนตรียังฝากถึงประชาชนให้ช่วยกันเก็บกักน้ำ โดยเฉพาะน้ำกินน้ำใช้ รวมทั้งการวางแผนน้ำเพื่อการเกษตร ปรับเปลี่ยนการปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อยเพื่อลดผลกระทบ ขณะที่รัฐบาลได้วางแผนขุดแหล่งเก็บน้ำเพิ่ม วิธีการนำน้ำใต้ดินขึ้นมาใช้อย่างปลอดภัย กำชับให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ดำเนินการให้ครบวงจร เตรียมการร่วมกับท้องถิ่น ดำเนินแผนบริหารจัดการน้ำ ป้องกันปัญหาภัยแล้งอย่างเป็นรูปธรรม
นายกรัฐมนตรียังกล่าวในช่วงท้าย รัฐบาลพยายามแก้ไขทุกปัญหาภายใต้กฎหมาย กฎระเบียบ พร้อมทั้งขอความร่วมมือให้ทุกคนปฏิบัติตนโดยเคารพกฎหมาย กระบวนการยุติธรรมที่โปร่งใส เป็นธรรม หวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกคนจะรักและสามัคคีกัน นำพาประเทศชาติไปสู่ความก้าวหน้าในอนาคต