วอชิงตัน, 26 ม.ค. (ซินหัว) — เมื่อวันอังคาร (26 ม.ค.) คณะบริหารของสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ยกเลิกนโยบาย “ความอดทนเป็นศูนย์” (zero tolerance) ของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งนำไปสู่การพรากจากของครอบครัวผู้อพยพที่ไม่มีเอกสารหลายพันครอบครัว
บันทึกจากมอนตี วิลกินสัน รักษาการอัยการสูงสุดของสหรัฐฯ ระบุว่าคณะอัยการกลางของสหรัฐฯ ได้รับคำสั่งให้กลับไปยึดถือนโยบายก่อนหน้าในการพิจารณาว่าจะดำเนินคดีกับผู้อพยพแต่ละบุคคลหรือไม่
“ตามหลักการอันยาวนานของการพิจารณาคดีอาญารายบุคคล ผมขอยกเลิกนโยบายดังกล่าวและให้มีผลบังคับใช้ทันที” วิลกินสันระบุ พร้อมเสริมว่าการตัดสินใจดำเนินคดีควรขึ้นอยู่กับว่าบุคคลละเมิดกฎหมายของรัฐบาลกลางหรือไม่ และมีหลักฐานใดบ้างที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าละเมิดจริง
“การดำเนินการในวันนี้คืนสถานะให้อัยการกลับไปใช้ดุลยพินิจดั้งเดิมในการตัดสินใจดำเนินคดี โดยอิงจากการทบทวนข้อเท็จจริงและสถานการณ์เฉพาะของผู้อพยพแต่ละคดีอย่างรอบคอบ” โฆษกกระทรวงยุติธรรมของสหรัฐฯ กล่าวในแถลงการณ์
ทั้งนี้ ผู้ใหญ่ทุกคนที่เดินทางเข้าสหรัฐฯ อย่างผิดกฎหมาย ซึ่งรวมถึงผู้มีบุตรหลานติดตามมาด้วย จะถูกส่งตัวไปดำเนินคดี โดยเยาวชนที่เดินทางมากับผู้ใหญ่เหล่านี้จะถูกแยกจากผู้ปกครอง และส่งตัวไปอยู่ในความดูแลของกระทรวงสาธารณสุขและบริการมนุษย์ (HHS) ภายใต้นโยบายความอดทนเป็นศูนย์ ซึ่งมีผลตั้งแต่เดือนเมษายน-มิถุนายน 2018
รายงานจากเดอะฮิลล์ (The Hill) เว็บไซต์ข่าวการเมืองสหรัฐฯ ระบุว่านโยบายซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางส่งผลให้เด็กต้องพลัดพรากจากพ่อแม่กว่า 5,500 คน และไม่มีหนทางช่วยให้เด็กกลับไปอยู่กับผู้ปกครองอีกครั้ง ขณะผู้ปกครองบางส่วนได้ถูกเนรเทศออกจากสหรัฐฯ