สธ.ชี้ "ดีเจมะตูม-ผู้ประกาศ NBT" เชื่อมปาร์ตี้ 3 เหตุการณ์มีผู้ติดโควิด 19 ราย

2021-01-24 22:00:51

สธ.ชี้ "ดีเจมะตูม-ผู้ประกาศ NBT" เชื่อมปาร์ตี้ 3 เหตุการณ์มีผู้ติดโควิด 19 ราย

Advertisement

สธ.เผยผลสอบสวนโรคกรณี "ดีเจมะตูม-ผู้ประกาศ NBT" พบเชื่อมโยงกันจากงานเลี้ยงปาร์ตี้ใน 3 เหตุการณ์ มีผู้ติดเชื้อรวม 19 ราย ย้ำร่วมงานเลี้ยง ไม่ใส่หน้ากาก เป็นจุดเสี่ยงแพร่เชื้อในหลายเหตุการณ์ ส่วนใหญ่ผู้ติดเชื้อไม่มีอาการ ไม่ป้องกันตัวในบ้านและที่ทำงาน ทำผู้สูงอายุและคนมีโรคประจำตัวเสี่ยงติดเชื้ออาการรุนแรงและเสียชีวิต รวมทั้งแพร่เชื้อในที่ทำงาน

ลูกสาว ผวจ.สมุทรสาคร อัพเดทอาการคุณพ่อ เปิดไลน์ @verasak.vich ให้ทุกคนส่งกำลังใจ

ข่าวดี "เชฟแต่ง"กลับถึงเมืองไทย 27 ม.ค.

"หมอปลา"บุกบ้าน"ทนายตั้ม " เปิดอกคุยคดี "ลุงพล"

"มาช่า"โชว์โยคะท่ายาก อวดหุ่นเป๊ะในวัย 50 กะรัต

"อัจฉริยะ"ปูด 2 ซิมฆ่า "น้องชมพู่" แลกตัดเหล็กไหล ได้เงินไปกว่า 10 ล้าน

เมื่อวันที่ 24  ม.ค. ที่ศูนย์แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงข่าวสถานการณ์โรคโควิด 19 ว่า ขณะนี้ทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อสะสม 99.3 ล้านราย เสียชีวิตสะสม 2.13 ล้านราย ภาพรวมทั่วโลกพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นในระดับคงตัว วันละ 5-6 แสนราย ส่วนประเทศเพื่อนบ้าน เช่น อินโดนีเซียเพิ่มหลักหมื่นราย มาเลเซีย 4 พันราย เมียนมา 500 กว่าราย ยังคงต้องเฝ้าระวังเข้มงวดป้องกันการข้ามพรมแดนผิดกฎหมาย ขอให้ประชาชนช่วยกันเป็นหูเป็นตา จะช่วยป้องกันการแพร่ระบาดได้ สำหรับประเทศไทย วันนี้มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 198 ราย มาจากต่างประเทศ 7 ราย ติดเชื้อในประเทศ 191 ราย เป็นผู้ป่วยที่รับบริการในสถานพยาบาลและการสอบสวนโรค 118 ราย ค้นหาเชิงรุกในชุมชน 73 ราย มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย รักษาหายเพิ่มขึ้น 119 ราย ทำให้การระบาดระลอกใหม่ตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2563 เป็นต้นมา มีผู้ติดเชื้อสะสม 9,263 ราย หายป่วยสะสม 6,627 ราย เสียชีวิตสะสม 13 ราย อัตราเสียชีวิต 0.14 เปอร์เซ็นต์


สำหรับผู้เสียชีวิตรายล่าสุด เป็นหญิงอายุ 73 ปี ที่ จ.สมุทรสาคร มีโรคประจำตัว ความดันโลหิตสูง สมองเสื่อม และลมชัก ติดเชื้อจากคนในครอบครัวที่ไม่แสดงอาการและไม่ป้องกันตัว โดยมีอาการปอดอักเสบรุนแรง ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ แม้จะรักษาอาการดีขึ้นจนถอดเครื่องช่วยหายใจได้ แต่เกิดภาวะแทรกซ้อนในปอด จากอยู่โรงพยาบาลนาน ประกอบกับโรคประจำตัวเรื้อรัง ทำให้เสียชีวิต ซึ่งคล้ายกับผู้เสียชีวิตหลายราย เพราะผู้สูงอายุและผู้มีโรคประจำตัวอาการจะรุนแรงกว่าคนหนุ่มสาว ดังนั้น บุตรหลานที่มีความเสี่ยง ไปผับบาร์ บ่อน งานปาร์ตี้ และพื้นที่ระบาด ควรหลีกเลี่ยงการใกล้ชิดผู้สูงอายุและมีโรคประจำตัว ขอให้เข้มการสวมหน้ากาก ล้างมือ และเว้นระยะห่างจะลดความเสี่ยงลงได้


“ภาพรวมการติดเชื้อในประเทศในช่วงไม่กี่วันจำนวนผู้ป่วยยังไม่คงที่ บางจังหวัดยังสูง พบเฉพาะภาคกลาง กทม. และปริมณฑล ซึ่งสัปดาห์นี้พบการติดเชื้อใน 7 จังหวัด โดย จ.สมุทรสาครมีผู้ติดเชื้อมากที่สุด 70-90 เปอร์เซ็นต์ ของจำนวนผู้ป่วยทั้งประเทศ เร่งปูพรมตรวจเชิงรุกในโรงงานกว่าหมื่นแห่ง คาดว่าสัปดาห์หน้าอาจพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น แต่จะช่วยควบคุมไม่ให้การติดเชื้อกระจายออกไป ขอให้จังหวัดอื่นๆที่ไม่พบผู้ติดเชื้อคงมาตรการด้านการแพทย์และสาธารณสุขอย่างต่อเนื่อง การค้นหาผู้ป่วยอย่างรวดเร็วและการลดกิจกรรมเสี่ยงให้มากที่สุด ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด ส่วนมาตรการ ศบค.ที่จะสิ้นสุดวันที่ 1 ก.พ.นี้ จะพิจารณาอีกครั้งหากควบคุมโรคได้ดีอาจผ่อนปรนได้มากขึ้น หรือเพิ่มมาตรการถ้ายังมีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก” นพ.โอภาส กล่าว

นพ.โอภาสกล่าวต่อว่า จากการสอบสวนโรค ดีเจมะตูม พบจุดเริ่มต้นของเหตุการณ์เริ่มจากมีชายติดเชื้อไม่มีอาการหลังจากไปเที่ยวสถานบันเทิง จ.เชียงใหม่ และไปร่วมงานปาร์ตี้วันเกิดของดีเจมะตูม ซึ่งมีผู้ร่วมงานจำนวนมาก ส่วนผู้ประกาศข่าวช่อง NBT ที่ติดเชื้อมาจากการเข้าร่วมงานปาร์ตี้อีกงานที่มีเพื่อนบางคนที่ติดเชื้อเชื่อมโยงกัน ทำให้เกิดการติดเชื้อใน 3 กลุ่มที่เกี่ยวข้องกันผ่านงานเลี้ยงปาร์ตี้ ทำให้มีผู้ติดเชื้อในขณะนี้แล้ว 19 ราย ดังนั้น จุดเสี่ยงที่ขอย้ำ คือ สถานที่แออัด อากาศถ่ายเทไม่สะดวก คนร่วมกิจกรรมไม่สวมหน้ากาก โดยเฉพาะช่วงรับประทานอาหาร งานเลี้ยงวันเกิดที่มีการเป่าเค้กวันเกิด สังสรรค์ ร้องเพลง ตะโกนหรือพูดเสียงดัง ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่ ในขณะที่คนติดเชื้อส่วนใหญ่ไม่มีอาการ จึงคิดว่าไม่เป็นอะไร ทำให้เป็นปัจจัยเสี่ยงทำให้เกิดการติดเชื้อในหลายครั้ง ขอให้ผู้ไปงานปาร์ตี้วันเกิดที่พบผู้ป่วยโควิด 19 ครั้งนี้ เฝ้าระวังสังเกตอาการเป็นเวลา 14 วัน นับจากวันที่ไปปาร์ตี้

“เมื่อมีผู้ติดเชื้อ 1 คน คนในครอบครัวจะมีความเสี่ยงมากที่สุด เนื่องจากใช้เวลาด้วยกันในบ้าน และไม่มีการป้องกันที่เคร่งครัด ส่วนอีกกลุ่มคือ สถานที่ทำงานที่มีการพบปะ ประชุม รับประทานอาหารร่วมกัน หรือการเลี้ยงสังสรรค์กัน ถือเป็นจุดเสี่ยง วิธีป้องกันที่ดีที่สุด คือ การเว้นระยะห่าง สวมหน้ากาก ล้างมือบ่อยๆ เช็กชื่อด้วยไทยชนะ และดาวน์โหลดหมอชนะ ซึ่งจะช่วยแจ้งเตือนเมื่อมีความเสี่ยงหรือมีโอกาสไปสัมผัสผู้ติดเชื้อโดยไม่รู้ตัวได้ ช่วยให้ติดตามควบคุมโรคได้อย่างรวดเร็ว โดยวันที่ 24 มกราคม มีผู้ลงทะเบียนใช้งานแล้ว 6.8 ล้านกว่าคน ยอดแจ้งเตือนสะสม 5,927 ราย ขอย้ำการป้องกันส่วนบุคคลมีความสำคัญช่วยควบคุมสถานการณ์ระลอกใหม่ได้ดีขึ้น” นพ.โอภาสกล่าว