กว่าจะดังเปรี้ยงปร้าง "มิว ศุภศิษฏ์" กับเส้นทางสายบันเทิง 11 ปี

2021-01-20 10:15:49

กว่าจะดังเปรี้ยงปร้าง "มิว ศุภศิษฏ์" กับเส้นทางสายบันเทิง 11 ปี

Advertisement

ก่อนโด่งดังจาก TharnType The Series เกลียดนักมาเป็นที่รักกันซะดีๆ "มิว–ศุภศิษฏ์ จงชีวีวัฒน์" อยู่ในวงการมานาน 11 ปี ผ่านความผิดหวังจากการทดสอบบทครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เขาก็ไม่เคยละทิ้งความฝันที่อยากโลดแล่นในวงการบันเทิงไม่นานมานี้มิวเพิ่งประกาศบทบาทใหม่ในฐานะศิลปินนักร้อง พร้อมออกซิงเกิลที่สองในเพลง "นั้นนา" ก็ได้รับผลตอบรับเกินความคาดหมาย มิวบอกว่านี่คือสิ่งที่เขาอยากทำมานานเกือบจะถอดใจแต่ก็ทำออกมาสำเร็จเพราะอยากตอบแทนแฟนคลับ แถมตอนนี้ยังคว้าตำแหน่งว่าที่ด็อกเตอร์ป้ายแดง โดยเจ้าตัวได้เผยถึงความภาคภูมิในรายการต้มยำอมรินทร์ กับใบปริญญานี้เพื่อครอบครัว พร้อมกับเปิดความฝันอีกสิ่งหนึ่งในชีวิตที่อยากทำมากคือ



ว่าที่ด็อกเตอร์วิศวะจุฬา คือ เรียนวิศวะ ตรี โท และเอก ?

ใช่ครับ เรียนวิศวะอุตสาหการครับ



แต่ก็ยังสามารถมีเวลาแบ่งมาทำงานที่วงการได้ ?

แต่ช่วงนี้เน้นมาที่ในวงการมากกว่าครับ เพราะป.เอก พวกวิชาเรียนที่บังคับผมก็เรียนใกล้เสร็จเรียบร้อยแล้วเหลือแค่ทำธีสิสครับ

ทำไมมองถึงขั้นด็อกเตอร์ ?



เอาจริงๆคือที่บ้านอยากให้เรียนครับ ตั้งแต่โทแล้วเอาจริงๆผมรู้สึกว่าหยุดแค่ตรีก็ได้ แต่ว่าเป็นความฝันของที่บ้านแล้วก็เป็นความคาดหวังและผมก็รู้สึกว่าอยากจะทำอะไรตอบแทนเขา

กว่าจะมาถึงวันนี้ก็ไม่มาง่ายๆ กี่ปีที่เรามีความพยายามกว่าจะมายืนอยู่จุดนี้ ?

ตั้งแต่ม.6 ก็ประมาณ 10-11 ปีเลยครับ เริ่มต้นของมิวคือการแคสโฆษณาแล้วเวลาที่เราไปแคสคือคนไปประมาณสองสามร้อยคนเลยแล้วก็เอาแค่คนสองคนโอกาสได้น้อยอยู่แล้วครับ เราไปแคสเป็น 10 เป็น 100 งานแต่ได้งานเดียว ก็ช่วงที่เกือบๆท้อเหมือนกันเพราะเรารู้สึกว่าเราอยากทำ แต่ทำก็ได้น้อย แล้วมันก็ไม่ประสบความสำเร็จสักที





แต่เห็นที่บ้านมิวคือเน้นเรียนการเรียนมากแล้วมีคุยกันเรื่องนี้ไหม ?

มีคุยครับ ตอนนี้ไม่แน่ใจว่าไปแคสงานอะไรมาแล้ว ป๊าบอกว่าถ้าเรื่องนี้ไม่ผ่านให้ไปเรียนป.โท และก็วันนี้ไม่ผ่านเลยต้องไปเรียนป.โท (หัวเราะ) เพราะปาป๊าค่อนข้างจะเน้นเรียนก็ไม่อยากให้ทำอยู่แล้ว แต่มาม๊าเป็นคนที่อยากทำอะไรทำถ้าจัดสรรเวลาเขาก็ยอม

ความฝันในวงการบันเทิงของมิวจริงๆคือ ?

ตอนนี้คืออยากเล่นหนังมากๆครับเพราะว่าเรายังไม่เคยมีโอกาสเล่นหนังเลย เพราะการแสดงกับร้องเพลงมันคนละอย่างกันเลยครับ อย่างการแสดงเราได้เป็นคนอื่นในรูปแบบที่ในชีวิตเราอาจจะไม่ได้เป็นแล้วเราได้มีโอกาสได้เล่นเป็นบทนั้นนี้ได้ศึกษาชีวิตเขาเหมือนเราได้ใช้ชีวิตอีกแบบหนึ่ง แต่ถ้าการเป็นนักร้องผมรู้สึกว่ามันคือการที่เราเป็นตัวเอง ได้ถ่ายทอดเรื่องราวของเราการเป็นตัวเราต่อหน้าแฟนๆทุกคน แต่เป็นสองแนวที่ต่างกันแต่ผมชอบทั้งสองแนวเลย

แล้วถ้าเกิดเป็นหนังอยากได้คาแรคเตอร์แบบไหน ?



ตอนนี้ที่ผ่านบทที่ผมได้รับคือค่อนข้างไปแนวทางโรแมนติกคอมเมดี้ หรือ ไม่ก็โรแมนติกดราม่า แต่มันยังมีเวอื่นในการแสดงที่มันเยอะมากๆผมอยากมีโอกาสได้ลองทำแบบเป็น เฮอร์เรอร์ หรือ แนวไซโคพาส เลยก็อยากลอง

มิวมีความพยายามมาตลอดทั้งๆที่เจอความผิดหวังบ้าง สำเร็จบ้าง แต่จุดเปลี่ยนของชีวิตที่ทำให้เราเด้งขึ้นมาจนทำให้เราเป็นที่รู้จักในวงการมากขึ้นแล้วมีแฟนคลับ FC มหาศาลเลยคือการมาเล่น ซีรีส์วายคู่กับ กลัฟ เราเห็นการเปลี่ยนของตัวเองยังไงบ้าง ? 

อย่างของผมไม่ได้ดังขึ้นมาชั่วข้ามคืนครับ แต่เป็นการค่อยๆเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆครับ มันก็ทำให้ไม่ได้หวือหวาขนาดนั้นเพราะว่ามันเป็นช่วงเวลาที่เหมือนเราสร้างสะพานค่อยๆมั่นคงไปเรื่อยๆ แต่ตอนท้ายๆของซีรีส์คือช่วงที่ทำให้รู้จักแฟนๆเพิ่มขึ้นมากจริงๆให้แฟนๆทั่วโลกได้เห็นด้วยครับผม ก็ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีมากๆ

โดยเฉพาะแฟนคลับที่ต่างประเทศ คือน่ารักกับมิวมากอย่าช่วงคริสมาสต์เขาให้ของขวัญอะไร ?

ช่วงคริสมาสต์มีบินโดรนที่ประเทศจีนครับ แปลรูปเป็นชื่อของผมแล้วเขาก็ทำเป็นหน้าของเรา อันนี้คือดีใจมากเพราะ บินโดรนคือครั้งแรกเลยเพราะอันนี้คือแฟนๆหลายๆบ้านเขารวบรวมเงินกันขึ้นมาทำเพื่อเราครับ ซึ่งพอเราเห็นสิ่งที่เขาทำให้เราเราก็อยากตอบแทนเขาเพราะว่าทุกคนคอยซัพพอร์ตคอยให้ความรักผมมาตลอด ทำให้เราอยากสร้างสรรค์ผลงานคอยตั้งใจพัฒนาตัวเองเพื่อมาตอบแทนเขาผมรู้สึกว่าไม่อยากอยู่นิ่งๆ เพราะเราไม่อยากเอาเปรียบในความรักที่พวกเขามีให้กับเราแล้วเราอยู่เฉยๆเราเลยต้องพัฒนาตัวเองวขึ้นเรื่อยๆครับ



ในช่วงที่เคาท์ดาวน์ปีใหม่ที่ผ่านมา มิวเลยLIVEสดร่วมกับแฟนๆทั่วโลกและคนดู Live คือ

1.3 ล้านคนครับ

เลยทำให้จากเมื่อก่อนปาป๊าที่บอกว่าให้เรียนๆอย่างเดียวเดี๋ยวนี้ คือเปลี่ยนไปเป็นส่งข่าวลูกไปในกลุ่มไลน์เพื่อนๆแทน ?

(ยิ้ม) ใช่ครับ แล้วเวลาที่ปาป๊าอ่านหนังสือพิมพ์เขาก็จะแคปรูปจากหนังสือพิมพ์มาให้ดูทุกวันเลยครับ

นอกจากจะไม่หยุดพัฒนาตัวเองแล้วเขายังขยันไม่หยุดด้วยเพราะล่าสุดได้เปิด มิวศุภศิษฏิ์ สตูดิโอ ?

ตัวสตูดิโอถ้าของไทยค่อนข้างใหม่ในตัวคอนเซ็ปต์ แต่ถ้าต่างชาติมีคอนเซ็ปต์นี้มาสักพักหนึ่งแล้ว อย่างเราเป็นนักร้อง นักแสดงฟรีแลนซ์แล้วก็มีค่ายเป็นของตัวเอง ในสตูดิโอเราก็จะมีอยู่ครบเลยครับ ทีมโปรดักชั่น ทีมมาร์เก็ตติ้ง ทีมพีอาร์ รวมอยู่ในนี้หมดเลยซึ่งให้เราสามารถเข้าไปดูงานต่างๆได้เองด้วยครับ ซึ่งที่ผมทำอันนี้ขึ้นมาคือเพื่อซัพพอร์ตงานของผม โดยที่ใช้ตัวผมเองเป็นตัวทดลองก่อนว่าโมเดลนี้เป็นยังไงบ้าง ซึ่งทำแล้วก็โอเคมากเลยเลยคิดว่าในอนาคตจะหาศิลปินมาร่วมในค่ายด้วยครับ

ล่าสุดมิวได้ปล่อยผลงานเพลงของตัวเองออกมาแล้ว และก็ได้กระแสตอบรับที่ดีมากๆ ?

คือความฝันของผมอยากมีคอนเสิร์ตใหญ่แล้วก็มีแฟนๆเต็มฮอลล์เลยแล้วก็มาร้องเพลงให้ผมฟัง ก็เลยคิดว่าการที่เรามีคอนเสิร์ตใหญ่ๆได้เราต้องมีหลายเพลงก่อนเราคงไม่สามารถมีแค่สองเพลงได้ ซึ่งในปีนี้แพลนไว้แล้วครับ จะปล่อยอัลบั้มเต็มซึ่งมีทั้งหมด 10 เพลงแล้วก็หลังจากนั้นสถานการณ์ดีขึ้นก็อาจจะจัดคอนเสิร์ตขึ้นมาครับ อย่างเพลงที่ปล่อยออกมาล่าสุดที่เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา นั้นนา ดนตรีจะมีความเป็นเฟสติวัล จิงเกิ้ลสตาร์เยอะๆสามารถโยกได้หน่อยๆตัวเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องของขวัญการที่เรามีคนคนหนึ่งอยู่ข้างๆเหมือนเราได้ของขวัญมาทุกปีแล้วแล้วก็อยากให้เขาอยู่ข้างๆเราไปตลอด เป็นเพลงที่ทำมาเพื่อแฟนๆคำว่า นั้นนา ผมอยากได้คำคำหนึ่งที่ใช้แทนคำว่า I LOVE YOU ได้แล้วให้ดูน่ารักด้วยเลยใช้คำว่า นั้นนา ครับ