"สุดารัตน์"ขนข้าวสารแจกบรรเทาความเดือดร้อนโควิด-19

2021-01-17 16:15:13

"สุดารัตน์"ขนข้าวสารแจกบรรเทาความเดือดร้อนโควิด-19

Advertisement

"คุณหญิงสุดารัตน์"ขนข้าวสารแจกชาวชุมชนพระเจน เขตปทุมวัน บรรเทาความเดือดร้อน  ระบุต้องเร่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ตัดงบไม่จำเป็น ย้ำรัฐบาลต้องไม่หวงอำนาจ เปิดทาง อปท.ซื้อวัคซีนโควิด-19

เปิด 4 กลุ่มไม่ได้รับเงินเยียวยา 3,500 บาท 2 เดือน

เราโง่เอง ! “จ๊ะ” สูญ 20 ล้าน เพราะความโลภ หลังตกเป็นเหยื่อ Forex-3D

เมื่อเวลา 11.00 น.  วันที่ 17 ม.ค. คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ พร้อมทีมงาน ลงพื้นที่ชุมชนพระเจน เขตปทุมวัน  กทม. เดินหน้าโครงการ"รวมพลังสู้ภัยโควิด" ต่อเนื่องนับแต่เกิดการระบาดของโควิด-19 รอบใหม่ พร้อมรับฟังปัญหาของชุมชนที่ไม่ได้รับการแก้ไข ทั้งปัญหาสายส่งสัญญาณ ปัญหาสายไฟ อยู่ในระดับต่ำซึ่งอาจเกิดอันตราย จากอัคคีภัยได้ รวมถึงปัญหาขยะล้นชุมชน และการค้าขายก็ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด ส่งผลให้รายได้ไม่เพียงพอต่อภาระหนี้สินที่เพิ่มขึ้น ทั้งภาระค่าเช่าต่างๆภาระรายจ่ายในครอบครัวทั้งสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งเป็นคุณภาพชีวิตที่ไร้ซึ่งความสุข จากผลกระทบของโควิด-19ดังนั้นการลงพื้นที่ จึงมาเยี่ยมให้กำลังใจ พร้อมรับฟังปัญหา รับฟังความทุกข์ โดยในส่วนของความเป็นอยู่ จะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การไฟฟ้า สำนักงานเขต มาร่วมประชุมพูดคุย นำไปสู่การแก้ไขปัญหา


คุณหญิงสุดารัตน์ ระบุว่า การช่วยเหลือจากภาครัฐก็ยังไม่เพียงพอ ทั้งที่ปัญหาไม่ได้เกิดจากประชาชน แต่เกิดจากความบกพร่องของผู้มีอำนาจ จึงตัดสินใจเดินหน้า โครงการรวมพลังสู้ภัยโควิด เช่น การเดินแจกข้าวสาร และเยี่ยมพี่น้องประชาชนภายในชุมชน โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง ซึ่งวันอย่างน้อยที่สุดจะได้ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนจึงขอเป็นปากเสียงกับคนตัวเล็กขณะเดียวกันจะเชิญ สํานักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ สปสช.เข้ามาพูดคุยเรื่องการดำเนินงาน ในโครงการหลักประกันสุขภาพ หรือ"30บาทรักษาทุกโรค" ว่าจะสามารถดูแลประชาชนได้อย่างไร ที่สำคัญจะได้ปรึกษาหารือ กับประธานชุมชน ระดมสมอง หาช่องทางเพิ่มรายได ขณะที่นายรณกาจ ชินสำราญ ผู้ประกอบการร้านอาหาร ในฐานะทีมงานที่ร่วมลงพื้นที่ มองว่าการพัฒนาพื้นที่แห่งนี้ สามารถดึงศักยภาพให้ประชาชนมีรายได้มากขึ้น เช่นการต่อยอดตลาดให้เป็นถนนคนเดิน หรือเปิดพื้นที่ชุมชนให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว เช่นจุดเช็คอินถ่ายรูป


คุณหญิงสุดารัตน์ ย้ำด้วยว่า นับแต่การบริหารราชการแผ่นดินของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำให้โอกาสของคนตัวเล็ก น้อยลง กลับกันเป็นโอกาสของเจ้าสัวที่เติบโตมากขึ้น โดยเห็นว่าปัญหาของเศรษฐกิจเป็นเรื่องหลักที่ต้องเร่งแก้ไขพร้อมย้ำถึงสิ่งที่ได้เสนอรัฐบาล ต้องจริงใจกับประชาชน ต้องตัดงบที่ไม่จำเป็นออก และระดมเงินทั้งหมดกลับเข้าสู่ระบบ เพื่อเยียวยาประชาชน ในทุกระดับ รวมถึงการพักชำระหนี้ในทุกประเภท โดยเฉพาะในกลุ่ม SMEs อย่างน้อยที่สุด 1 ปี รวมถึงการเข้าถึงแหล่งเงินกู้ Soft Loanที่มีอยู่ 4 แสนล้านบาท ซึ่งมีหลักเกณฑ์ที่คนตัวเล็กผู้ประกอบการรายย่อยเข้าถึงยาก วิธีการช่วยเหลือของรัฐบาลจึงต้องช่วยเหลือประชาชนให้ถูกจุด โดยเฉพาะคนตัวเล็กที่ยังขาดโอกาส พร้อมย้ำว่าต้องตัดเงินในส่วนที่ไม่จำเป็นและนำมาใช้ดูแลประชาชน เช่นการนำเงินมาส่งเสริมมาตรการตรวจหาโควิดเชิงรุก


คุณหญิงสุดารัตน์ระบุด้วยว่า การจัดซื้อวัคซีนต้องมีคุณภาพ ครอบคลุม และราคาต้องเป็นไปอย่างสุจริต สามารถตอบประชาชนได้ มีความเพียงพอต่อประชาชนอย่างน้อยร้อยละ 70 ของประชาชนทั้งประเทศ หากไม่ถึงตัวเลขดังกล่าว เชื้ออาจจะกลับมาได้อีก ที่สำคัญ"รัฐบาลต้องไม่ห่วงอำนาจ ปล่อยให้องค์การปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความพร้อมดำเนินการด้วยตนเอง แต่ขอให้อยู่ภายใต้ มาตรฐานของ"สาธารณสุข หรือ อย.




คุณหญิงสุดารัตน์ ยืนยันว่า จะไม่ไปร่วมงานกับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีเพื่อตั้งพรรคทหาร อย่างที่ปรากฏเป็นข่าว โดยจะไม่เป็นบันได ให้เผด็จการต่อท่ออำนาจ หรือเป็นบันไดให้ใครบางคนขึ้นสู่ตำแหน่งที่ต้องการ สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นความพยายามใส่ร้ายป้ายสีด้วยการเมืองแบบเก่า พร้อมยืนยัน การทำงานทางการเมืองที่ผ่านมากว่า 30 ปี มีจุดยืนชัดเจน ยืนหยัดต่อสู้เผด็จการ มีจุดยืนอยู่กับฝั่งประชาธิปไตย ซึ่งวันนี้เผด็จการได้สร้างภาระให้กับประเทศ และทำให้รัฐราชการใหญ่ขึ้นและประชาชนตัวเล็กลงซึ่งสวนทางกับโลก ซึ่งตนเองตั้งใจจะทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ต่อไปในอนาคต