"คุณหญิงสุดารัตน์" ลุยตลาดห้วยขวาง เปิดโครงการ “รวมพลังสู้ภัยCOVID" ฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ แจกอุปกรณ์ป้องกันโควิด-19
"หมอทวีศิลป์"พ้อโดนโซเชียลขุดข้อมูล
สธ.ห่วงการติดเชื้อโควิด-19 ในสถานที่ทำงานเพิ่มขึ้น
เมื่อช่วงค่ำวันที่ 8 ม.ค. ที่ผ่านมา คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ พร้อมด้วยนายประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ ส.ส.กทม. นำทีมงานอาสาสมัคร”รวมพลังสู้ภัย COVID” ลงพื้นที่ตลาดห้วยขวาง เพื่อทำการทำความสะอาดครั้งใหญ่ Big Cleaning Day ด้วยการฉีดพ่นนำยาฆ่าเชื้อร่วมกับพ่อค้า แม่ค้าในตลาด พร้อมแจกอุปกรณ์สำหรับการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั้งหน้ากากแอลกอฮอล์ เจลล้างมือ ขณะเดียวกันยังถือโอกาสรณรงค์ให้ความรู้กับประชาชนในการดูแลตนเอง โดยเน้นย้ำให้หมั่นล้างมืออย่างถูกวิธี งดเว้นการสัมผัสร่างกาย หากยังไม่มีการล้างทำความสะอาดมือ หรือส่วนที่มีการสัมผัสกับสิ่งของต่างๆ และต้องเว้นระยะห่าง ระหว่างที่เชื้อโควิด-19 ยังระบาดอย่างต่อเนื่อง
คุณหญิงสุดารัตน์ได้ กล่าวว่า ในขณะนี้ที่มีการระบาดของโควิด-19 เป็นหน้าที่ของทุกฝ่ายที่จะต้องร่วมมือกันป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ให้ได้ เพื่อความปลอดภัยในสุขภาพของคนไทย และเพื่อยับยั้งภาวะวิกฤติทางเศรษฐกิจให้ได้เร็วที่สุด จึงได้ทำโครงการ“รวมพลังสู้ภัยโควิด-19 ขึ้นเพื่อให้ทุกภาคส่วนได้ร่วมมือร่วมใจในการป้องกันตนเองและส่วนรวมให้ปลอดภัยจากโควิด-19 โดยได้รณรงค์ให้แหล่งชุมนุมชนได้ร่วมกันทำความสะอาดและฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ พร้อมปลุกจิตสำนึก และให้ความรู้ในการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 พร้อมแจกอุปกรณ์ป้องกันตนเองทั้งแอลกอฮอล์และหน้ากากอนามัย
นายประเดิมชัย กล่าวว่าตลาดห้วยขวางเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่มาก มีทั้งแม่ค้าพ่อค้าและผู้คนที่มาจับจ่ายซื้อของจำนวนมากทุกวัน จึงเลือกที่มาดำเนินการในโครงการรวมพลังสู้ภัยCOVID-19 ที่ตลาดห้วยขวาง และในเขตห้วยขวางดินแดง ตนเองจะดำเนินการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อโรคเพื่อป้องกันCOVID-19 ไปทุกจุดที่เป็นแหล่งชุมชนหนาแน่น ขณะเดียวกันยังได้ให้กำลังใจกับผู้ค้าผู้ขาย ซึ่งระบุในทิศทางเดียวกันว่า นับแต่มีการระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้การค้าการขายเป็นไปด้วยความยากลำบาก ลูกค้าลดน้อยลง หรือต้องใช้เวลาในการขายให้สินค้าอุปโภคบริโภคต่างๆหมดในเวลาที่นานขึ้น ซึ่งเป็นอีกครั้งที่พ่อค้าแม่ขายต้องใช้ความอดทนในการผ่านอุปสรรคครั้งนี้ไป
สำหรับพื้นที่ห้วยขวาง นายประเดิมชัย เปิดเผยว่า มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 แล้ว และอยู่ระหว่างการสอบสวนโรคและรักษาตัวอย่างน้อย 8 ราย