“พาณิชย์” เตรียมจัดงาน “ตลาดวิถีไทย ตลาดเที่ยวได้ สไตล์ไทยๆ” นำทุกตลาดที่อยู่ในการส่งเสริมและดูแล รวม 400 ร้านค้า ขนสินค้าดี เด่น ดัง ของแต่ละตลาดมาจัดแสดงและจำหน่ายให้กับผู้บริโภคในเมืองกรุง 13-17 ส.ค.นี้ เพื่อประชาสัมพันธ์ให้คนไทยรู้จักตลาดที่มีอยู่ในเมืองไทย หวังกระตุ้นให้เกิดการเที่ยวเมืองไทย ไปตลาดท้องถิ่น มั่นใจช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากได้เพิ่มขึ้น
นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ได้กำหนดจัดงาน “ตลาดวิถีไทย ตลาดเที่ยวได้ สไตล์ไทยๆ” ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 13-16 ส.ค.2563 โดยเป็นครั้งแรกที่ได้มีการนำเอาตลาดที่อยู่ในการส่งเสริมของกรมการค้าภายใน เช่น ตลาดต้องชม หมู่บ้านทำมาค้าขาย ตลาดริมทาง ตลาดกลางสินค้าเกษตร ตลาดสด ฟาร์มเอาท์เล็ต (หมู่บ้านเกษตรอินทรีย์/ออร์แกนิก) ที่อยู่ในจังหวัดต่างๆ มารวมจัดงานไว้ในที่เดียวกัน เพื่อสร้างการรับรู้ให้ตลาดแต่ละรูปแบบเป็นที่รู้จักแก่ประชาชนและผู้บริโภค ตลอดจนเป็นการส่งเสริมให้เกษตรกร ผู้ประกอบการชุมชนได้มีช่องทางการตลาด และเรียนรู้พฤติกรรมผู้บริโภคเพื่อนำไปปรับใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตรงตามความต้องการเพื่อเพิ่มรายได้ต่อไป
โดยการจัดงานครั้งนี้ ได้นำตลาดในรูปแบบต่างๆ มาไว้ในที่แห่งเดียวกัน เพื่อให้ประชาชนได้ “ชม ชิม ซิล” โดยสามารถชมตลาดวิถีชีวิตท้องถิ่นในรูปแบบต่างๆ ที่ได้จำลองมาแบบใกล้ชิด สามารถชิมอาหารเด็ดตามรูปแบบวิถีไทยของแต่ละตลาดและสามารถเลือกซื้อสินค้า ดี เด่น ดัง ของแต่ละตลาดที่ได้นำมาจัดแสดงและจำหน่าย รวมทั้งสามารถเที่ยวแบบชิลๆ ในตลาดสไตล์ไทยๆ ที่ได้มีการจำลองมา
สำหรับการจัดงานได้แบ่งออกเป็น 5 โซน มีบูธรวมกว่า 400 บูธ ประกอบด้วย ตลาดต้องชม หมู่บ้านทำมาค้าขาย ตลาด 4 ภาค รวม 250 ร้านค้า , ตลาดสด ตลาดกลาง ตลาดริมทางผลไม้ 60 ราย , ตลาดออร์แกนิก หมู่บ้านออร์แกนิก 40 ร้าน และสินค้าเกษตร 50 ร้านค้า โดยสินค้าในตลาดที่นำมาจำหน่าย มีสัดส่วนดังนี้ อาหารและผลไม้ 20เปอร์เซ็นต์ , เครื่องดื่ม 20เปอร์เซ็นต์ , เสื้อผ้าและเครื่องแต่งกาย 20เปอร์เซ็นต์ ศิลปะประดิษฐ์และของที่ระลึก 20% และอื่นๆ 20 เปอร์เซ็นต์
“การจัดตลาดวิถีไทย เป็นการเพิ่มโอกาสในการค้าขายให้กับผู้ประกอบการที่อยู่ในตลาดต่างๆ ได้มีช่องทางการจำหน่ายสินค้า เพิ่มทางเลือกให้กับประชาชน ในการเลือกซื้อสินค้าจากเกษตรกร ผู้ประกอบการชุมชน ผู้ผลิตสินค้า SMEs และสินค้า OTOP ได้โดยตรง และที่สำคัญ จะช่วยให้ตลาดแต่ละแห่งเป็นที่รู้จัก และทำให้เวลาคนเดินทางไปท่องเที่ยวในต่างจังหวัด ก็จะมองหาตลาดท้องถิ่น และเข้าไปเที่ยว ไปซื้อสินค้า ซึ่งจะทำให้ตลาดเป็นที่รู้จัก และเพิ่มรายได้ให้กับชุมชน และช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากได้เพิ่มขึ้น”นายวิชัย กล่าว
นอกจากนี้ ในช่วงการจัดงาน ได้มีการจัดกิจกรรมเพื่อสร้างความสนุกสนานให้กับผู้เข้าชมงาน เช่น 1.ชุมชนแม่กำปอง สาธิตหมอนใบชา นำใบชาใส่หมอน 2.กลุ่มหัตศิลป์ล้านนา วัดศรีสุพรรณ ตอกแผ่นเงินทำพวงกุญแจ การตุลลายแผ่นโลหะ 3.ชุมชนหล่ายแก้ว การทอผ้า ทำสินค้าหัตถกรรม 4.วิสาหกิจชุมชนแก้วมังกรบ้านถิ่น ทอดข้าวเกรียบแก้วมังกร 5.หมู่บ้านเบญจรงค์ดอนไก่ดี ลงสีเบญจรงค์แก้วเซรามิค และจานเบญจรงค์ 6.ชุมชนหลัง ว.ค.จันทร์เกษม สานตะกร้าพลาสติก ผ้ามัดย้อม 7.กี่กระตุกจากภาคใต้ สาธิตการทอผ้า อย่างไรก็ตาม ในการจัดงานครั้งนี้ คาดการณ์ว่าจะมีประชาชนเดินทางมาเข้าชมงานเฉลี่ยวันละ 40,000 คน รวม 5 วันประมาณ 200,000 คน และคาดว่าจะมีเงินสะพัดในการจัดงาน 100 ล้านบาท
ทั้งนี้ ตลาดต้องชม เป็นตลาดที่กรมการค้าภายในได้เข้าไปส่งเสริมและผลักดันให้พัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวของชุมชน เป็นสถานที่จำหน่ายผลผลิตในชุมชน และช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยว ปัจจุบันมีจำนวน 222 แห่ง โดยปี 2562 สามารถสร้างรายได้กว่า 2,165 ล้านบาท หมู่บ้านทำมาค้าขาย เป็นการพัฒนาหมู่บ้านให้คนในชุมชนผลิตและจำหน่ายสินค้าให้มีรูปแบบเดียวกัน และส่งเสริมให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว มีจำนวน 25 แห่ง ปี 2562 สร้างรายได้ 124 ล้านบาท หมู่บ้านออร์แกนิก เป็นการพัฒนาพื้นที่เพาะปลูกพืชผลทางการเกษตรปลอดสารพิษ และส่งเสริมให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว มีจำนวน 12 แห่ง ฟาร์มเอ้าท์เล็ต เป็นสถานที่จำหน่ายพืชผลทางการเกษตรปลอดสารพิษ ตลาดกลางสินค้าเกษตร เป็นศูนย์กลางในการซื้อขายสินค้าเกษตร ตลาดสด มีจำนวน 460 แห่ง และตลาดริมทาง ตลาดท่องเที่ยว ซึ่งเป็นตลาดที่ช่วยให้เกษตรกร ผู้ผลิตสินค้าชุมชนมีที่จำหน่ายสินค้า มีจำนวน 25 แห่ง