"หมอยง" ชำแหละข้อดี-ข้อเสีย "3 วัคซีน" ต้านไวรัสโควิด-19 พบบางชนิดส่งผลข้างเคียง
เมื่อวันที่ 6 ม.ค. ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ให้ความรู้เรื่องวัคซีนโควิด-19 ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่า วัคซีนมีหลายชนิด ขณะนี้ที่อนุญาตให้ใช้ในมนุษย์ในภาวะปกติและฉุกเฉินที่ผ่านการทดลองมี 3 กลุ่ม คือ 1. mRNA วัคซีน เช่น วัคซีนของบริษัทไฟเซอร์ moderna วัคซีนชนิดนี้จะเป็น mRNA ที่ถูกห่อหุ้มด้วย lipid nanoparticle เมื่อฉีดเข้าไปที่กล้ามเนื้อ particle จะเข้าสู่เซลล์กล้ามเนื้อ mRNA จะถูกถอดออกใน cytoplasm หรือของเหลวในเซลล์ แล้วmRNA จะเข้าสู่ ribosome ทำการสร้างโปรตีน ตามรูปแบบที่กำหนด messenger RNA ดังนั้น RNA ที่ใส่เข้าไปจะต้องมี Cap, 5’ UTR, spike RNA, 3’UTR และ poly A tail อยากให้พวกเราสนใจวิทยาศาสตร์จะเข้าใจง่ายขึ้น ในรูปแบบที่กล่าวถึงโรงงาน ribosome จะสร้างโปรตีนตามกำหนดและส่งผ่านออกทาง golgi ออกสู่นอกเซลล์ โดยโปรตีนที่สร้างออกมาจะเป็นแอนติเจนไปกระตุ้นร่างกายสร้างแอนติบอดีที่เป็นภูมิต้านทานต่อโรคโควิด 19 ข้อดีของวัคซีนชนิดนี้ ทำได้ง่าย และเป็นจำนวนมากอย่างรวดเร็ว เพราะทำในโรงงาน กระตุ้นภูมิต้านทานได้สูง ข้อเสียอยู่ที่ว่า RNA สลายตัวได้ง่าย เก็บที่อุณหภูมิต่ำมากๆ และวัคซีนชนิดนี้เป็นชนิดแรกที่ใช้ในมนุษย์ อาการข้างเคียงหลังฉีดพบได้บ่อยกว่าวัคซีนที่ทำโดยชนิดเก่า เช่น มีไข้ ปวดเมื่อย และผลระยะยาวคงต้องรอการศึกษาต่อไป เช่น ติดตามเป็นปี หรือหลายปี
2.ไวรัสvector (ของอังกฤษ, AstraZineca และรัสเซีย Spuknic V) วัคซีนนี้จะใช้วิธีการเอาสารพันธุกรรมของไวรัสใส่เข้าไปในไวรัสที่จะเป็นเวกเตอร์ หรือตัวฝากนั่นเอง ที่ใช้อยู่เป็น adenovirus, vesicula stomatitis virus ไม่ก่อโรคในคน การใส่เข้าไปเข้าใจว่าเป็น cDNA ของ covid 19 เพื่อให้ไวรัส vector ส่งสารพันธุกรรมของ covid-19 เข้าไปในเซลล์มนุษย์ เมื่อเข้าไปแล้วไวรัสจะถอดรูปพันธุกรรมที่ส่งเข้าไป จะต้องเข้าไปในนิวเคลียสของเซลล์เพื่อลอกแบบ และเปลี่ยนให้เป็น mRNA ออกมาในไซโตพลาสซึม แล้วส่วนของ mRNA จะไปที่ไรโบโซม เพื่อทำการสร้างโปรตีน ตามรูปแบบที่กำหนดไว้ คือ spike โปรตีน ส่งผ่านออกมาทาง golgi ออกนอกเซลล์เช่นเดียวกับ mRNA โดยโปรตีนที่ส่งออกมาจะทำหน้าที่เป็นแอนติเจนกระตุ้นให้ร่างกายสร้างแอนติบอดีต่อต้านเชื้อโควิค-19 ข้อดีของวัคซีนชนิดนี้ คือ ผลิตได้จำนวนมากได้ง่าย เพราะทำจากโรงงาน เป็น DNA จะมีความคงทนกว่า จึงสามารถเก็บได้ในอุณหภูมิ 2-8 องศา ราคาจะถูกเพราะทำได้จำนวนมาก วัคซีนนี้เป็นชนิดใหม่เช่นเดียวกัน ผลระยะยาวจึงยังไม่ทราบ และจะต้องคำนึงอีกประการหนึ่ง คือ ขั้นตอนที่ผ่านนิวเคลียสของเซลล์ เราไม่ทราบว่าจะมีการรวมตัว integrate กับ DNA ของมนุษย์หรือไม่ หวังว่าคงไม่ ผลระยะยาวก็คงต้องติดตามต่อไป
3.วัคซีนเชื้อตาย (ของจีน Sinovac, Sinopharm) วิธีการผลิตจะใช้หลักการกับวัคซีน ที่ทำมาตั้งแต่ในอดีต เช่น วัคซีนตับอักเสบเอ, วัคซีนโปลิโอ วัคซีนพิษสุนัขบ้า และวัคซีนอื่นๆ อีกหลายชนิด นักวิทยาศาสตร์จะใช้เชื้อโควิด-19 เพราะเลี้ยงบน Vero cell เซลล์ชนิดนี้ใช้ทำวัคซีนหลายชนิด เช่น วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ซึ่งใช้กันมานานมาก อย่างที่เราฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้า เมื่อเพาะได้ไวรัสจำนวนมาก ก็จะเอามาทำลายฤทธิ์หรือฆ่าเชื้อให้ตายแล้วนำมา formulation ใส่สารกระตุ้นภูมิต้านทาน ข้อดีของวัคซีนชนิดนี้ คือ วิธีการทำเป็นวิธีที่เรารู้กันมาแต่โบราณในเรื่องความปลอดภัย เป็นเชื้อตายสามารถให้ในคนที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือภูมิคุ้มกันต่ำได้ โดยเชื้อไม่ไปเพิ่มจำนวน แต่จะไปการกระตุ้นภูมิต้านทาน ข้อเสียของวัคซีนชนิดนี้ คือ การผลิตจำนวนมากจะทำได้ยาก เพราะไวรัสชนิดนี้เป็นไวรัสก่อโรค ต้องเพาะเลี้ยงในห้องชีวนิรภัยระดับสูง ทำให้ต้นทุนในการผลิตสูง เราจะเห็นว่าวัคซีนไวรัสตับอักเสบเอ ไม่สามารถลดราคาลงให้ถูกลงได้ ในทำนองเดียวกัน การผลิตจำนวนมากของวัคซีน covid19 ชนิดเชื้อตายก็จะมีขีดจำกัด การตอบแบบสอบถามวันนี้จะดูข้อสรุป เข้าใจว่าจะมีคนตอบมาประมาณ 40,000 คน สิ่งที่ต้องการวันนี้อยากให้เด็กรุ่นใหม่สนใจงานวิทยาศาสตร์ เรามาช่วยกันส่งเสริม โดยหลังจากนี้อีกสักระยะหนึ่งเมื่อทุกคนมีความรู้มากขึ้น จะตั้งแบบสอบถามขึ้นอีก เพื่อดูการเปลี่ยนแปลงและความต้องการ เพราะมีการพูดกันว่ากลัววัคซีนจะเหลือ