"หมอธีระ"ชี้โควิด-19 ระลอก 2 เร็วแรง กลาง ม.ค.หากช่วยกันกดให้มีการติดเชื้อน้อยที่สุดจะดีมาก ปลาย มี.ค. หากกดจนหลักสิบหลักหน่วยจะดีที่สุด โอกาสเจอระบาดซ้ำในปีนี้น้อยลง แต่หากเป็นหลักร้อย ระบาดซ้ำแล้วซ้ำเล่าถึงจุดนั้นจะยาวไปถึงกลางปี 65 ก็เป็นได้ ขอทุกคนร่วมแรงร่วมใจ "อยู๋บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ"
เมื่อวันที่ 3 ม.ค. รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเพจ Thira Woratanarat ระบุว่า สิ่งที่จะบอกพวกเราต่อไปนี้คือ "สิ่งสำคัญ" ความสำเร็จของประเทศบางประเทศที่สามารถคุมการระบาดซ้ำให้น้อยกว่าหรือเท่ากับของเดิมได้นั้น ขึ้นกับ 3 ปัจจัยหลัก ได้แ
หนึ่ง การที่รัฐออกมาตรการเข้มข้น เคร่งครัด ได้อย่างทันเวลา
สอง ประชาชนร่วมกันปฏิบัติตัว ป้องกันตนเองอย่างเต็มที่ และพร้อมเพรียง
สาม ระบบการตรวจคัดกรองโรคมีศักยภาพในการตรวจที่มากพอ และครอบคลุมทั่วถึง
หากประเมินตามเนื้อผ้า โอกาสที่จะเจ็บตัวน้อยกว่าหรือเท่าระลอกแรกนั้นมีเพียง 12 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่ประเทศส่วนใหญ่ 88เปอร์เซ็นต์จะหนักกว่าเดิมและยาวนานกว่าเดิม
ไทยเราหากประเมินตาม 3 ปัจจัยข้างต้นแล้วนั้น ข้อสามเราต้องยอมรับว่าศักยภาพไม่เพียงพอ เหลือเพียง 2 ข้อแรกเท่านั้น
ข้อแรก การตัดสินใจทำ Regional lockdown นั้นเป็นเพราะเราเป็นห่วงระบบเศรษฐกิจ แต่ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย อย่างไรก็ตาม คงต้องบอกตรงๆ ว่า การจัดการตามรายพื้นที่นั้นจะได้ผลน้อยกว่าทั้งประเทศ และมีความเสี่ยงในแง่ของการเคลื่อนย้ายประชากรจากพื้นที่ควบคุมสูงสุด (สีแดง) ไปยังพื้นที่ควบคุม (สีส้ม) และพื้นที่เฝ้าระวัง (สีเหลือง) ในช่วงเวลาของการประกาศควบคุม
นอกจากนี้ยังอาจมีความลักลั่น ระหว่างมาตรฐานการตัดสินใจระหว่างโซน รวมถึงความลำบากในการควบคุมการเคลื่อนย้ายของคนระหว่างพื้นที่ โอกาสที่จะคุมจนโรคหมดไปแบบระลอกแรกจะมีน้อย
ถึงกระนั้น ก็คงต้องช่วยกันเอาใจช่วยให้แต่ละจังหวัดเข้มข้นกันอย่างพร้อมเพรียงทั้งประเทศหากทำได้ ปกป้องถิ่นฐานบ้านเกิดของตนเองให้เต็มที่ อย่าประมาท ไม่ว่าจะเป็นสีส้มหรือสีเหลืองก็ตาม เพราะในความเป็นจริง มีโอกาสที่พื้นที่ของท่านจะมีคนติดเชื้อแฝงอยู่แล้ว แต่ยังไม่ได้รับการตรวจ
ข้อสอง คือหัวใจสำคัญที่สุด ประชาชนอย่างพวกเราทุกคน จำเป็นต้องป้องกันตนเองและครอบครัวอย่าให้ติดเชื้อเป็นอันขาด เพราะขณะนี้หลายโรงพยาบาลรวมถึงโรงเรียนแพทย์ มีจำนวนเคสมากขึ้นเรื่อยๆ จนตึงตัว และต้องหาทางขยับขยายแล้ว
ประเทศอื่นเค้าระบาดซ้ำ เร็ว แรง คุมยาก หาต้นตอลำบาก มีเตียงมีคนมียามีอุปกรณ์แค่ไหนก็ไม่เพียงพอครับ และคนติดเชื้อพร้อมกันเยอะในช่วงเดียวกันก็จะตายมากเพราะดูแลไม่ทั่วถึงและของไม่เพียงพอ
ย้ำอีกครั้งป้องกันตัวเองให้ดี อย่าให้ติดเชื้อ ต่อให้จังหวัดเราจะไม่เคร่งครัดด้านกฎระเบียบ ให้ใช้ชีวิตปกติดี๊ด๊าท่องเที่ยวได้ก็ตาม ก็ขอให้ตระหนักถึงความจริงว่า "ปัจจุบันไทยเราไม่ได้ปลอดภัยอีกแล้วนะครับ" เรากำลังระบาดหนักขั้นวิกฤติ และอาจต้องล้มกันเป็นโดมิโน่ในไม่ช้า หากเราไม่ร่วมกันต่อสู้อย่างเต็มที่จากนี้จนถึงปลายเดือนมี.ค. ณ เวลานี้ ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว จะไม่มีการประกาศสั่งให้ทำแบบระลอกแรก แต่ดูเหมือนจะมีแรงกดดันเรียกร้องอิสระเสรีจากการเมืองและธุรกิจหลายด้าน ดังนั้นจึงขอให้มีความรู้เท่าทัน ร่วมด้วยช่วยกันกับรัฐบาลและศบค. เพื่อเอาชีวิตให้รอด หากตัวเองมีชีวิตรอด เศรษฐกิจก็จะรอด และชาติจะมั่นคง แต่หากติดกันเยอะ ตายกันเยอะ เศรษฐกิจและความมั่นคงย่อมสั่นคลอน
ระลอกสองนี้เร็ว แรง ดังที่เราเห็น และเป็นอย่างที่ผมได้บอกไว้มาตลอด ไม่ได้เขียนเสือให้วัวกลัว และไม่ได้เป็นการเล่านิทานหลอกเด็ก สิ่งที่บอกมาตลอดนี้คือสิ่งที่เป็นความรู้ที่มาจากข้อมูลและบทเรียนทั่วโลกที่เค้าโชว์ให้เราเห็นตลอดปีที่ผ่านมา ระลอกสองนี้เกิดขึ้นเพราะอะไร โปรดใคร่ครวญให้ดีถึงต้นตอสาเหตุ และระวังอย่างให้มันเกิดขึ้นมาอีก
จุดตัดสินในการสู้ศึกครั้งนี้ ขอให้ดูที่ 2 จุด 1. กลางเดือนนี้ หากเราช่วยกันกดให้มีการติดเชื้อน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ก็จะดีมาก หากเกิน 500 ต่อวันตอนกลางเดือนนี้ โอกาสระบาดหนักในเดือนถัดไปจะมีสูงมากและอาจต้องสู้ยาวกว่ามี.ค. แต่หากน้อยกว่า ก็มีโอกาสที่จะสูงสุดสัก 940 คนต่อวัน และสู้ยาวไปถึงปลายมี.ค. ถ้าน้อยมากๆ ก็จะน้อยและสั้นลงตามลำดับ
2. ปลายเดือนมี.ค. คาดว่าผลจากมาตรการที่เราเลือกทำเฉพาะจุด โอกาสที่โรคจะหมดไปคงเป็นไปได้ยาก แต่ต้องพยายามลดให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ หากกดจนหลักสิบหรือหลักหน่วยได้จะดีที่สุด เพราะจะทำให้โอกาสเจอระบาดซ้ำอีกครั้งในปีนี้น้อยลง โดยอาจเจออีกสัก 1 ครั้งหากไม่มีการเปลี่ยนแปลงการใช้ชีวิตและการทำธุรกิจแบบเสี่ยง ทั้งบันเทิง การพนัน และท่องเที่ยว แต่หากตอนนั้นเป็นหลักร้อย การระบาดซ้ำแล้วซ้ำเล่าจะตามมาได้เร็ว หากการดำเนินชีวิตข้างต้นไม่เปลี่ยนแปลง และถึงจุดนั้นจะยาวไปถึงกลางปี 65 ก็เป็นได้
หากอ่านมาถึงตรงนี้ คงเข้าใจได้ดีว่ามันสำคัญมาก จำเป็นที่ต้องขอให้เราทุกคนร่วมแรงร่วมใจ "อยู๋บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ"อย่างพร้อมเพรียงทั้งประเทศ ไม่ว่าจะอยู่โซนสีอะไรก็ตามครับ และมาประเมินผลกันตอนกลางเดือน ม.ค. และปลายมี.ค. ว่าชะตาการระบาดของประเทศจะเป็นอย่างไร ขอเพียงอย่าถอดใจ ผมเชื่อว่า เราจะสู้ได้ และต้องทำได้ดีกว่าที่คาดการณ์ รัฐและ ศบค.ท่านช่วยเราแล้วด้วยการตัดสินใจดำเนินการมาตรการเข้มข้นตั้งแต่พรุ่งนี้ คงต้องฝากความหวังไว้กับเราทุกคนครับ สู้ๆ นะครับ