"หมอธีระ"ชี้ทางสามแพร่งที่ประเทศไทยต้องเลือกคุมโควิด

2021-01-01 17:00:53

"หมอธีระ"ชี้ทางสามแพร่งที่ประเทศไทยต้องเลือกคุมโควิด

Advertisement

"หมอธีระ"ชี้ทางสามแพร่งที่ประเทศไทยต้องเลือก "มุ่งมั่นปั่นตัวเลขทางเศรษฐกิจ-เงื้อง่าราคาแพง-เข้มข้นกับการรักษาชีวิตคน เพื่อมีลมหายใจฟื้นฟูประเทศในอนาคต"

เมื่อวันที่ 1 ม.ค. รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเพจ Thira Woratanarat ระบุว่า  ต้อนรับปีน้องวัวด้วยโจทย์ที่ทำให้ไทยต้องเลือกระหว่างทางสามแพร่งครับ

ทางที่ 1: "มุ่งมั่นปั่นตัวเลขทางเศรษฐกิจ" โปรโมทท่องเที่ยวทั่วไทยระดับความปลอดภัยครือๆ กัน ต่อด้วยลดวันกักตัว หรือไม่กักตัว ลดแลกแจกแถม ตั้งเป้าเอานักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามามากๆ ผลที่จะเกิดขึ้นคือ ระบาดก็ช่างมัน ให้หมอตามรักษาเอา รอดก็รอด ตายก็ตาย เราจะเห็นตัวเลขแพร่ระบาดต่อเนื่องไม่หยุดหย่อน ระยะสั้นจะเจอประมาณ 1,500 คนต่อวัน ช่วงกลางม.ค. และ 13,500 คน ช่วงกลาง ก.พ. และจะเป็นการต่อสู้ยืดเยื้อยาวนานยากที่จะคาดการณ์วันจบ ลักษณะจะคล้ายญี่ปุ่นหลังเปิดนโยบายเน้นเศรษฐกิจ

ทางที่ 2: "เงื้อง่าราคาแพง" กลัวโดนกดดันจากการเมืองและเศรษฐกิจ เลยเลือกทำหน่อมแน้ม ติ๋มๆ เชื่อมั่นว่าจะเอาอยู่ แจกจ่ายให้ไปตัดสินใจกันเอาเอง มั่นใจในคนว่าจะให้ความร่วมมือ บางที่ก็เอาแบบโก้ๆ หน่อย ทำเป็นระดับความเสี่ยงตามพื้นที่ แต่หารู้ไม่ว่าคุมพื้นที่ได้ แต่คุมคนไม่มีทางได้ ภาษาเทคนิคเรียกยุทธวิธียืดหยุ่น หรือ flexible strategy ภาษาผมเรียกว่ายุทธวิธีโลกสวยรนหาที่ หรือ beautiful world strategy แนวยืดหยุ่นนี้ได้รับการพิสูจน์แล้วว่านำไปสู่การตกเหว เพราะไม่สามารถต้านทานการระบาดได้ ดังเช่น ประเทศยุโรปต่างๆ ทั้งสหราชอาณาจักร และกลุ่มสแกนดิเนเวียน ที่ตอนนี้สะบักสะบอมกับการระบาดอย่างรุนแรง ผลที่จะเกิดขึ้น คือ จะพ่ายแพ้ต่อการระบาดไปในที่สุด หาทางกลับตัวได้ยากหากปล่อยให้เนิ่นนานกว่าช่วงเวลาทอง ระยะสั้นจะเจอประมาณ 1,000 คนต่อวัน ช่วงกลาง ม.ค. และ 4,000 คน ช่วงกลาง ก.พ. และจะเป็นการต่อสู้ที่ยาวนานกว่าทางเลือกที่เข้มข้น หลายประเทศที่เป็นลักษณะนี้จะเจอปัญหาการระบาดซ้ำระลอกใหม่ในเวลาไม่นาน

ทางที่ 3: "เข้มข้นกับการรักษาชีวิตคน เพื่อมีลมหายใจฟื้นฟูประเทศในอนาคต" สถานการณ์รุนแรงแบบที่กำลังเจออยู่ในการระบาดซ้ำนั้น การติดเชื้อกระจายไปทั่ว แฝงอยู่ในคนทั่วไป ไม่ใช่เฉพาะกลุ่มเสี่ยงเท่านั้น ดังนั้นจึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากการทำให้ทุกคนต้องช่วยกันนิ่งอยู่กับที่ ยกระดับการป้องกันขั้นสูงสุดอย่างน้อย 4 สัปดาห์ หากดูจากบทเรียนของประเทศอื่นๆ ทั่วโลกที่ระบาดซ้ำ ผลที่ได้จะไม่เหมือนระลอกแรก แต่จะใช้เวลาสู้นาน 2 เท่า หรือราว 88 วันสำหรับเมืองไทย โดยจะเจอกับการติดเชื้อต่อวันสูงขึ้นกว่าเดิมราว 5 เท่า หรือ 940 คนต่อวัน ทั้งนี้มีโอกาสลดทอนความรุนแรงและระยะเวลาได้บ้าง แต่ไม่มากนัก โดยขึ้นอยู่กับเงื่อนเวลาในการตัดสินใจดำเนินมาตรการนั่นเอง

ล่าสุดวันนี้เจอไป 279 คน คาดการณ์ว่าเราจะมีเวลาอีกไม่กี่วันที่จะต้องเริ่มดดำเนินมาตรการเข้มข้นสูงสุดเพื่อหวังจะกดการระบาดให้ต่ำลงกว่า 500-600 รายต่อวันภายในกลางเดือน ม.ค. หากทำได้ก็จะบรรเทาผลกระทบจากระลอกสองนี้ได้ แต่หากทำแต่กดไม่ลง ก็จะเป็นไปตามธรรมชาติของการระบาดที่กล่าวมาข้างต้น เวลาทองในการประกาศดำเนินการ ไม่ควรเกินต้นสัปดาห์หน้าหากคิดจะหวังผลให้ได้ภายในกลางเดือน ผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้นหากเลือกทางที่ 3 นี้คือ ต้องสู้ศึกระลอกนี้ถึงราวปลายมี.ค. ติดเชื้ออยู่ใน Top 100 ของโลก เบียดกับออสเตรเลียหรือฟินแลนด์ ติดเชื้อรวมประมาณ 23,000-33,000 คน

อย่างไรก็ตาม แม้จากข้อมูลบ่งว่า แต้มต่อที่จะชนะศึกนี้โดยบอบช้ำน้อยกว่าที่คาดการณ์ มีเพียง 1 ต่อ 9 แต่ใช่ว่าโอกาสจะเป็นศูนย์ ณ วันนี้ เวลานี้ ถ้าเราทุกคนช่วยกันป้องกันตัวอย่างสุดความสามารถ และท่านนายกรัฐมนตรีและ ศบค.ตัดสินใจทำอย่างถูกต้องและทันเวลา ผมเชื่อว่าเราจะทำได้ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ครับ

พรปีใหม่ที่ผมอยากได้ที่สุดในเวลานี้คือ "ขอให้ทุกคนมองกงจักรเป็นกงจักร และมองดอกบัวให้เป็นดอกบัว"ครับ ขอพลังอยู่กับพวกเราจนชนะศึกนี้ไปด้วยกันอย่างปลอดภัย ด้วยรักต่อทุกคน

ขอบคุณเพจ Thira Woratanarat