เปิดไทม์ไลน์ 2 ผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 คนแรกอายุ 44 ปีน้ำหนักตัวมาก ส่วนอีกคนอายุ 70 ปี มีโรคประจำตัว โรคหลอดเลือดสมอง นอนติดเตียง
เมื่อวันที่ 1 ม.ค. นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. รายงานสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทย พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 279 ราย เสียชีวิต 2 ศพ รวมผู้ป่วยสะสม 7,163 ราย ผู้เสียชีวิตสะสม 63 ราย โดยไทม์ไลน์ผู้เสียชีวิต 2 ราย มีดังนี้
รายแรก ชายไทยอายุ 44 ปี กทม. มีประวัติน้ำหนักตัวมาก
-วันที่ 20 ธ.ค. 2563 เดินทางไปร้านอาหารกึ่งบาร์แห่งหนึ่งใน กทม
-วันที่ 26-27 ธ.ค. 2563 มีอาการ ไข้ ไอ มีน้ำมูก
- วันที่ 28 ธ.ค. 2563 มีอาการไข้ เหนื่อยหอบ
- วันที่ 30 ธ.ค. 2563 รู้สึกเหนื่อยมากขึ้นไปตรวจที่ ARI clinic รพ.เจริญกรุงประชารักษ์ โดยมีอาการหายใจเหนื่อย และความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือดลดลงเหลือ 80 ส่งต่อไปไอซียูเพื่อใส่ท่อช่วยหายใจ คนไข้มีน้ำหนักมาก ทำให้ต้องใช้เวลาในการใส่นาน เวลา 22.00 น. ผลตรวจเสมหะด้วยวิธี Real-time RT-PCR พบเชื้อโควิด-19
- วันที่ 31 ธ.ค. 2563 ผู้ป่วยอาการไม่ดีขึ้น ระบบหายใจล้มเหลวส่งตัวไปรักษาต่อที่ รพ.จุฬาลงกรณ์ เวลาประมาณ 15.00 น. เสียชีวิตที่ รพ.จุฬาลงกรณ์ ทั้งนี้ มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงในครอบครัว 7 คน และในโรงพยาบาล 6 คน
รายที่ 2 ชายไทยอายุ 70 ปี อ.แม่สอด จ.ตาก มีโรคประจำตัว โรคหลอดเลือดสมอง นอนติดเตียง
- วันที่ 29 พ.ย. 2563 ผู้ติดเชื้อลักลอบเดินทางข้ามมาโดยช่องทางธรรมชาติ และเริ่มมีอาการป่วย (หวัด) มาพักอาศัยอยู่หมู่ 7 ต.ท่าสายลวด โดยมีลูกเขยเป็นผู้ดูแล
- วันที่ 2 ธ.ค. 2563 ลูกสาวกลับมาจาก กทม. ดูแลผู้ป่วย
- วันที่ 4 ธ.ค. 2563 มีอาการหอบเหนื่อย เรียกรถพยาบาลเอกชนมารับที่บ้าน ระหว่างทางอาการไม่ดีขึ้น จึงนำส่งโรงพยาบาลรัฐ ผลตรวจพบเชื้อ โควิด-19
- วันที่ 31 ธ.ค. 2563 ระหว่างรักษาตัวที่โรงพยาบาล ผลตรวจโควิดไม่พบเชื้อแล้ว แต่เนื่องจากอายุมาก และมีโรคประจำตัว ทำให้เสียชีวิตเวลา 22.00 น. ด้วยอาการปอดอักเสบ ระบบทางเดินหายใจล้มเหลว