โอละพ่อบุกยึด"ยาเค"หมื่นล้าน

2021-01-03 10:30:32

โอละพ่อบุกยึด"ยาเค"หมื่นล้าน

Advertisement

ป.ป.ส.ควง "สมศักดิ์" บุกยึด "ยาเค" มูลค่านับหมื่นล้าน สุดท้ายเป็น "ไตรโซเดียมฟอสเฟต"


กลายเป็นข่าวครึกโครมเมื่อสื่อทุกแขนงนำเสนอข่าว นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ป.ป.ส. พร้อมด้วยนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นำกำลังเจ้าหน้าที่บุกค้นโกดังแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.ท่าข้าม อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา ในช่วงสายของวันที่ 12 พ.ย.2563 สืบเนื่องจากได้รับรายงานจากทางการใต้หวัน ว่า หลังจับกุมผู้ต้องหายาเสพติดข้ามชาติได้ จึงพบความเชื่อมโยงกับชายคนหนึ่งที่ได้มาเช่าโกดังดังกล่าว เพื่อใช้พักยาเสพติดก่อนลำเลียงไปขายยังต่างประเทศ


จากการเข้าตรวจค้นพบสารต้องสงสัยคล้ายเคตามีน หรือยาเค ถูกบรรจุอยู่ในกระสอบ 493 ใบ เจ้าหน้าที่จึงใช้ชุดทดสอบสารเคมีซึ่งเบื้องต้นให้ผลเป็นสีม่วง จึงยืนยันว่าเป็นสารเสพติดเคตามีน รวมน้ำหนักทั้งสิ้นประมาณ 11 ตัน มูลค่ากว่า 3 หมื่นล้านบาท ซึ่งสามารถตรวจยึดได้ล็อตใหญ่ที่สุดเท่าที่ประเทศไทยเคยตรวจยึดได้ จากนั้นมีกระแสข่าวว่ามีการขนย้าน ยาเคตามีน ลอตดังกล่าวที่เจ้าหน้าที่ตรวจยึดได้แบบมีเงื่อนงำ


วันที่ 21 พ.ย.2563 เลขาธิการ ป.ป.ส. นำสื่อมวลชนเข้าตรวจสอบของกลางซึ่งเก็บรักษาไว้ที่ จ.ปทุมธานี พร้อมระบุว่า ผลการตรวจสอบจากห้องวิทยาศาสตร์ พบว่าสารเคมีที่ตรวจยึดได้เป็น "สารไตรโซเดียมฟอสเฟต" ซึ่งถูกนำไปใช้เป็นตัวปรับสภาพนมไม่ให้ตกตะกอน หลังเกิดความผิดพลาดเนื่องจากมีการยืนยันว่าสารที่ตรวจยึดได้เป็น "เคตามีน" ส่งผลให้สังคมเกิดความสับสน พร้อมถามหาความเป็นมืออาชีพขององค์กรระดับประเทศ ป.ป.ส. จึงขอให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ รวมทั้งฝ่ายตรวจพิสูจน์ยาเสพติดของ ป.ป.ส. เข้าตรวจของกลางทั้งหมดพบสารเคตามีน ปนเปิ้อนอยู่จำนวน 1.2 กรัม ส่วนที่เหลือเป็น "ไตรโซเดียมฟอสเฟต" และ "สารแคลเซียมคาร์บอเนต" ซึ่งเป็นสารเคมีที่ถูกนำไปใช้ในอุตสาหกรรมไม่เกี่ยวข้องกับพักยาเสพติดแต่อย่างใด


วันที่ 24 พ.ย.2563 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ชี้แจงสื่อมวลชนกรณีผลการตรวจสอบสารเคมีที่ตรวจยึดได้ไม่ใช่สารเคตามีน พร้อมยอมรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ก่อนอ้างถึงสาเหตุของความผิดพลาดว่าเป็นเรื่องใหม่ทางวิชาการ เพราะสารเคมีบางชนิดเมื่อเข้าชุดตรวจสอบอาจได้ผลลัพธ์ว่าเป็นสารเสพติด โดยหลังจากนี้จะดำเนินการจัดสัมมนาเชิงวิชาการ เพื่อหาข้อสรุปจากความผิดพลาดไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำรอยต่อไป