สุดสยองยิงดับ "4 ศพ" คาบ่อนพนันย่านพระราม 3 ก่อนออกหมายจับมือยิง "บอย บ้านครัว"
เมื่อช่วงกลางดึกของวันที่ 3 ส.ค.2563 เกิดเหตุสะเทือนขวัญยิงกันเสียชีวิต 4 รายกลางบ่อนการพนันย่านพระราม 3 โดยหลังเกิดเหตุมีรายงานว่าในเวลา 23.00 น. เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้รับแจ้งเหตุจึงลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบจุดเกิดเหตุในเวลาเที่ยงคืน แต่ไม่สามารถเข้าไปภายในบ่อนการพนันได้ กระทั่งเวลาตี 01.00 น. เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน จึงได้รับอนุญาตจากตำรวจท้องที่ให้เข้าไปตรวจสอบภายในบ่อนได้ ก่อนพบศพ พ.ต.ต.วัทธเศรษฐ์ หรือสารวัตรแม็กซ์ เสียชีวิตอยู่บริเวณหน้าเคาเตอร์ สภาพศพถูกยิงที่ศรีษะ 1 นัด และพบศพของหญิงชาวต่างชาติซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นคนแจกไพ่ เสียชีวิต 2 รายเยื้องอยู่กับศพของ พ.ต.ต.วัทธเศรษฐ์ นอกจากนี้ยังพบศพ นายถาวร สีสด อยู่บริเวณหน้าห้องน้ำ ต่อมา พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. ลงพื้นที่ตรวจสอบเหตุยิงกันด้วยตัวเอง ก่อนยืนยันว่าพบการประวิงเวลาแจ้งเหตุให้มีความล่าช้าเพื่อทำลายหลักฐาน ซึ่งน่าเชื่อว่ามีความเป็นไปได้เพราะพบร่องรอยการทำลายพยานหลักฐาน โดยพบว่ากล้องวงจรปิด 2 ตัวที่เคยปราฏในวันที่ 4 ส.ค.2563 ถูกถอดออกไป จุดแรก คือ บริเวณหลังบ่อน ซึ่งเป็นจุดทิ้งขยะ และอีกจุดหนึ่ง คือ บริเวณมุมตึกด้านหน้าอาคารพาณิชย์ซึ่งถูกลักลอบเปิดเป็นบ่อนการพนัน
จากนั้น พล.ต.ต.สหรัฐ ศักดิ์ศิลปชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เรียกประชุมพนักงานสอบสวนเพื่อคลี่คลายคดี โดยสั่งการให้รวบรวมพยานหลักฐาน และเร่งสอบปากคำพยานที่ได้รับบาดเจ็บซึ่งกำลังรักษาตัวอยู่โรงพยาบาล ในทุกประเด็น รวมถึงสืบหาคนที่ถอดกล้องวงจรปิดและคนที่ขนย้ายของหลบหนี จากนั้นไม่นาน พนักงานสอบสวนได้ขออำนาจศาลอาญากรุงเทพใต้ อนุมัติออกหมายจับ นายพิพิธ ศรีสุวรรณ์ หรือ บอย บ้านครัว อายุ 61 ปี ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา โดยพบประวัติมีนิสัยเป็นนักเลง เคยก่อเหตุฆ่าผู้อื่น มักเข้าไปเล่นพนันในบ่อนพระราม 3 เป็นประจำ จากนั้นไม่นาน นายพิพิธ จึงตัดสินใจเข้ามอบตัวกับ พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พร้อมของกลางอาวุธปืนขนาด 9 ม.ม. โดยรับสารภาพว่าใช้อาวุธปืนยิงนายถาวร สีสด เพื่อป้องกันตัว โดย นายพิพิธ อ้างว่า วันเกิดเหตุได้เข้าไปเล่นพนัน แล้วเห็น นายถาวร ใช้อาวุธปืนยิงคนอย่างเสียสติ ก่อนที่จะหันกระบอกปืนมาหาตนแล้วทำท่าว่าจะยิงใส่ ตนจึงบอกให้วางปืนลง แต่ นายถาวร ไม่ยอมทำตามกลับหันกระบอกปืนเข้าใส่ตนอีกครั้ง ตนเกรงว่าจะถูกยิงจึงใช้อาวุธปืนที่พกติดตัวมายิงต่อสู้ เมื่อ นายถาวร หนีไปทางห้องน้ำ ตนจึงหนีออกมาจากจุดเกิดเหตุ
หลังรับสารภาพ ตำรวจได้คุมตัว นายพิพิธ ไปชี้จุดทำเเผนประกอบคำรับสารภาพ โดยจุดเเรกเป็นจุดที่ นายพิพิธ ขี่รถจักรยานยนต์ไปจอดที่ลานจอดรถ โดยอ้างว่าหลังเข้าไปในบ่อนแล้วได้ยินเสียงปืน จึงวิ่งออกมาหยิบปืนใต้เบาะรถจักรยานยนต์ที่จอดไว้ ก่อนเดินกลับเข้าบ่อนทางด้านหลัง ส่วนจุดที่ 2 เป็นภายในอาคารชั้น 1 โดย นายพิพิธ อ้างว่า พบ นายถาวร กำลังใช้อาวุธปืนยิงผู้อื่น และมีการส่ายปืนไปมา กระทั่งตัดสินใจยิงต่อสู้เพื่อป้องกันตัว ส่วนจุดสุดท้าย เป็นบริเวณหน้าประตูทางเข้าบ่อน โดยจุดนี้ นายพิพิธ เดินออกมาแล้วขี่รถจักรยานยนต์หลบหนี จากนั้น พ.ต.ท.ประจำ หนุนนาค รอง ผกก. (สอบสวน) สน.ทุ่งมหาเมฆ ได้นำตัวนายพิพิธ ไปฝากขังยังศาลอาญากรุงเทพใต้ ผัดแรก เป็นเวลา 12 วัน โดยท้ายคำร้องฝากขังพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหา เนื่องจากเป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจและเป็นคดีอุกฉกรรจ์ โดยเกรงว่าผู้ต้องหาอาจหลบหนี หรือไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานหรือก่อเหตุอันตรายประการอื่น จากนั้นศาลสอบปากคำผู้ต้องหาแล้วไม่คัดค้านจึงอนุญาตให้ฝากขัง ประกอบกับไม่มีผู้มายื่นหลักทรัพย์ขอประกันตัว เจ้าหน้าที่จึงคุมตัวไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร