กทม. เก็บน้ำลายพนักงานโรงงานย่านพระราม 2 ประมาณ 800 คน คัดกรองเชื้อโควิค-19 หลังพบผู้ติดเชื้อก่อนหน้านี้
เมื่อวันที่ 25 ธ.ค. พล.ต.ท.โสภณ พิสุทธิวงษ์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่ตรวจการคัดกรองผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในกลุ่มสัมผัสเสี่ยง ณ โรงงาน Big Star (บิ๊กสตาร์) ถนนพระรามที่ 2 ซอย 100 เขตบางขุนเทียน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 โดยมี นายพลเฉลิม ศรมณี ผอ.เขตบางขุนเทียน ร่วมลงพื้นที่ จากนั้นรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ตรวจเยี่ยมจุดสกัดและจุดคัดกรองบุคคลต่างด้าวก่อนเข้าพื้นที่กรุงเทพมหานคร ป้องกันโควิด-19 บริเวณหน้าปั๊ม ป.ต.ท. พระราม 2 ซอย 92 เขตบางขุนเทียน
สืบเนื่องจากกรณีโรงงาน Big Star ได้มีการพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 คนแรกเมื่อวันที่ 21 ธ.ค. จากนั้นวันที่ 22 ธ.ค. สำนักงานเขตบางขุนเทียนและสำนักอนามัยได้จัดทีมเจ้าหน้าที่เข้ามาล้างทำความสะอาดและฉีดน้ำยาฆ่าเชื้อในโรงงาน และวันที่ 23 ธ.ค. กรุงเทพมหานครได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ทำการ SWAB กลุ่มเสี่ยงสูง จำนวน 200 คน ปรากฏว่าพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มอีก 3 คน เป็นแรงงานชาวเมีนมา 2 คน และแรงงานไทย 1 คน ซึ่งที่โรงงาน Big Star มีกลุ่มสัมผัสเสี่ยงรวมทั้งหมดประมาณ 800 คน
สำหรับวันนี้กรุงเทพมหานคร โดยสำนักอนามัยได้จัดส่งเจ้าหน้าที่จากสำนักอนามัย และศูนย์บริการสาธารณสุข 42 (ถนอม ทองสิมา) ร่วมกับสำนักงานเขตบางขุนเทียน มาดำเนินการตรวจคัดกรองกลุ่มสัมผัสเสี่ยงรองลงมาเพิ่มเติม จำนวน 199 คน ซึ่งมีทั้งแรงงานคนไทยและแรงงานต่างชาติ ด้วยวิธีการเก็บน้ำลายส่งตรวจที่แล็บของ รพ.รามาธิบดี โดยขั้นตอนการดำเนินการ เริ่มด้วยการสอบประวัติผู้ตรวจ จากนั้นผู้ตรวจรับกระปุกเก็บน้ำลายซึ่งจะมีน้ำยา normalsaline 0.9 เปอร์เซ็นต์อยู่ภายใน ให้ผู้ตรวจอมน้ำลายไว้ในปาก 5 นาที แล้วบ้วนน้ำลายอย่างน้อย 2 ซีซี ลงในกระปุก สำหรับวิธีการตรวจจากน้ำลายนี้สามารถตรวจหาเชื้อโควิด-19 ได้เร็วกว่าการทำ SWAB ความน่าเชื่อถือของผลการตรวจสอบอยู่ที่ 90 เปอร์เซ็นต์ ส่วนการทำ SWAB ผลเชื่อถือได้ 95 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้หากตรวจน้ำลายแล้วพบมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 จะมีการทำ SWAB ผู้นั้นซ้ำอีกครั้งเพื่อยืนยันผลการตรวจที่ชัดเจนต่อไป
รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ว่า วันนี้สำนักงานเขตบางขุนเทียนกับศูนย์บริการสาธารณสุข (ศบส.) 42 ได้ลงพื้นที่ตรวจคัดกรองหาเชื้อโควิด-19 ที่โรงงานบิ๊กสตาร์ ซึ่งโรงงานแห่งนี้มีพนักงานกลุ่มเสี่ยงประมาณ 800 คน ทั้งแรงงานไทยและแรงงานต่างด้าว สำหรับกลุ่มเสี่ยงแรงงานต่างด้าวนั้น รัฐบาลและกรุงเทพมหานครมีนโยบายในการดำเนินการเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นแรงงานต่างด้าวที่ถูกกฎหมายหรือผิดกฎหมายเจ้าหน้าที่จะตรวจให้ทั้งหมด ไม่อยากให้แรงงานต่างด้าวกังวลเรื่องนี้ หากพบว่าติดเชื้อโควิด-19 จะใช้แนวทางการรักษาเดียวกับคนไทย เพื่อให้สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป