สหภาพยุโรป หรือ อียู และสหราชอาณาจักรหรือ ยูเค บรรลุข้อตกลงการค้าหลังเบร็กซิต หรือหลังจากยูเคถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกของอียู เมื่อวันพฤหัสบดี (24 ธ.ค.) หลังจากไม่สามารถหาข้อสรุปร่วมกันได้นานหลายเดือน เกี่ยวกับสิทธิการประมง และกฎเกณฑ์ทางธุรกิจในอนาคต
ในระหว่างการแถลงข่าว ที่ทำเนียบบนถนนดาวนิ่ง ในกรุงลอนดอน นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรียูเค กล่าวว่า ในที่สุดทั้ง 2 ฝ่ายก็สามารถควบคุม กฎหมายและชะตากรรม ของตนเองได้อีกครั้ง ข้อตกลงจะเกิดผลดีต่อยุโรปทั้งทวีป
ยูเคกำหนดจะพ้นจากกฎเกณฑ์การค้าของอียู ในวันพฤหัสบดีที่ 31 ธ.ค.ที่จะถึง หรือ 1 ปีเต็มหลังจากยูเคถอนตัวออกจากองค์กรเครือข่าย 27 ประเทศแห่งยุโรปอย่างเป็นทางการ

ความตกลงจะส่งผลให้เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ต่อธุรกิจต่างๆ เนื่องจากยูเคและอียูต่างก็ก่อตั้งตลาดของแต่ละฝ่ายแยกจากกัน และเป็นการยุติการเคลื่อนไหวอย่างเสรี แต่ความตกลงสร้างความโล่งใจครั้งใหญ่ แก่ธุรกิจในยูเคจำนวนมาก เนื่องจากกำลังได้รับผลกระทบอย่างหนัก จากการระบาดของโคโรนาไวรัส กลุ่มธุรกิจเหล่านี้กลัวว่าจะเกิดภาวะติดขัดที่ด่านเขตแดน และมีการเก็บค่าธรรมเนียมและภาษีสินค้านำเข้า
นายจอห์นสัน กล่าวอีกว่า ความตกลงมูลค่า 668,000 ล้านปอนด์ หรือ 27,106,000 ล้านบาท ต่อปี จะคุ้มครองตำแหน่งงานทั่วสหราชอาณาจักร และทำให้สินค้าของยูเคสามารถขายในตลาดอียูได้ โดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมหรือมีโควตา
ทางด้านนางเออร์ซูลา ฟอน แดร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป กล่าวในระหว่างการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนในกรุงบรัสเซลส์ เมืองหลวงเบลเยียม ว่า การเจรจาเหมือนเดินไปบนถนนทางไกลและคดเคี้ยว แต่ในที่สุดทั้งสองฝ่ายก็สามารถตกลงกันได้ด้วยดี เป็นข้อตกลงที่ “เป็นธรรม” และ “สมดุล”และตอนนี้ได้เวลาที่จะกำหนดแนวทาง เพื่อก้าวเดินไปสู่อนาคตอันรุ่งโรจน์ พร้อมกับเสริมว่า ความตกลงแสดงให้เห็นว่า ยูเคยังเป็นหุ้นส่วนที่ไว้ใจได้.