กว่าจะขึ้นแท่นมาเป็นดารานักบู๊เบอร์หนึ่งของไทย นั้นไม่ง่ายเลย สำหรับ หนุ่ม "จา พนม" แต่เป้าหมายกลับเกินฝันเมื่อได้ไปเป็นถึงนักแสดงนำหนังบู๊ที่ฮอลลีวูด ซึ่งเจ้าตัวได้มาเล่าตั้งแต่จุดเริ่มต้นตั้งแต่เป็นสตั๊นต์แมนอยู่เบื้องหลัง จนก้าวมาอยู่เบื้องหน้าและมีชื่อเสียงในระดับโลก ผ่านทางรายการคุยแซ่บSHOW
สมัยเป็นนักแสดงหนังบู๊ ?
จา : 18 ปีแล้วเรื่ององค์บาก ก่อนหน้านั้นทำมาทุกอย่าง ทำงานในกองถ่าย ความฝันตอนเด็กอยากเป็นนักแสดงแอคชั่นก็ทำตามความฝันโดยไปสมัครเป็นสตั๊นต์แมนมาก่อน เริ่มต้นตอนอายุ 14 แต่พอ 18-19 เราเริ่มเห็นทางของตัวเองไปแคสต์ภาพยนตร์ของต่างชาติที่มาถ่ายที่เมืองไทย มีโอกาสได้ไปเป็นสตั๊นต์พระเอกผู้กำกับอยากได้เตะสูงเราเป็นนักตะกร้อมาก่อนก็ทำได้ จากนั้นอีก 2-3 ปี เรารู้สึกว่าเป็นแค่เงา เพราะอยู่แต่เบื้องหลัง เราอยากเอาความสามารถของเราไปอยู่เบื้องหน้า เลยทำเดโม่ขึ้นมาเพื่อถ่ายทอดความสามารถของเราให้นักลงทุนเห็น เรามาฝึกฝนด้วยตัวเองบวกกับศิลปะการต่อสู้ของไทยมวยไทยมันเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์มาก จนได้มาเล่นองค์บาก คือจุดเปลี่ยนของชีวิตเลยจากสตั๊นต์มาเป็นนักแสดงนำ
ชีวิตเปลี่ยนขนาดไหน ?
จา : ก็มีคนรู้จักมากขึ้น เราก็ต้องเข้าสังคม ออกงาน มีงานเข้ามา ปรับตัวตามสภาวะ กว่าจะมาถึงจุดเปลี่ยนก็มีเรื่องท้อ เพราะว่าคนเราไม่ได้เพอร์เฟกต์ เรามีสมาธิในเป้าหมายขอเราคือการเดินไปข้างหน้า
ช่วงที่โด่งดังมากๆ หายหน้าไปพักนึง ?
จา : เป็นช่วงวิบาก เราเก็บเกี่ยวพลังสมาธิที่จะขับเคลื่อนไปข้างหน้า หลังจากจบต้มยำกุ้งมันเป็นการเตรียมตัวที่จะไปฮอลลีวูด สิ่งที่เราตัดสินใจไปสร้างหาประสบการณ์ ครอบครัวเราก็ซัพพอร์ต ตอนนั้นเราพยายามคิดบวกรู้จักเรื่องสมาธิ ความต้องการและเป้าหมายของเราจริงๆ คืออะไร
ไปที่โน่นโชว์เตะต่อยค่ายหนังเยอะมาก ?
จา : ใช่ครับ มันไม่ได้ง่ายเลย ต้องไปทำเอเจนท์ทุกค่ายเชื่อ ผมไปโชว์ความเป็นไทย ศิลปะมวยไทย ความแอคชั่นแบบไม่ใช้เทคนิคของเรา มันได้ใจเขา เขาชอบ ความกล้ากับความกลัวมันเป็นของคู่กัน ตัดความกลัวออกกล้าที่จะไป

ตอนที่พุ่งไปหาเป้าหมายต้องทิ้งอะไรมั้ย ?
จา : ไม่ตัดอะไรเลยเรามีเป้าหมายที่ชัดเจนและคนรอบข้างเข้าใจเรา ภาษาไปตอนแรกก็งูๆ ปลาๆ ก็มีไปเรียนภาษา พอได้มาเล่นฮอลลีวูดเป็นนักแสดงนำ มันคือเป้าหมายสูงสุดในชีวิตที่ผมอยากทำ
อุบัติเหตุกลางกอง ?
จา : ฉากแอคชั่นเตะต่อยข้อเท้าพลิกแบบเสียงดังเลย ส่งไปโรงพยาบาลเลยปิดกอง คุณหมอตรวจเอกซเรย์ มันเป็นช่วงข้อต่อพลิกนิดหน่อยไม่หักไม่ฉีก แต่เขาใส่เฝือก
ทำไมไม่บอกเมีย ?
จา : เราไม่อยากให้เขาเป็นห่วง ไม่อยากให้ที่บ้านเป็นห่วง ถ้าเราบอกเขาข่าวมันต้องไปเยอะ เราก็ใส่เฝือกไปถ่ายต่อ เมียก็ไม่รู้ กลัวเขาเป็นห่วง

ทำไมไม่เคยเปิดตัวภรรยา “บุ้งกี๋” ในสื่อ ?
จา : ในโซเชียลคนก็จะรู้ ภรรยาไม่อยากออกสื่อ เขาบอกอยู่แบบนี้สบายใจกว่า มีลูกสาว 2 คน เรือนแก้วกับจอมขวัญ เหมือนเราทั้ง 2 คนเลย เขาก็มีแวว เคยเอาไปดูที่ญี่ปุ่น จีน แต่ที่ฮอลลีวูดไม่เคย ถ้าหากเขาอยากเราก็สนับสนุนดูที่เค้าชอบหรือไม่ชอบไม่ได้บังคับ เวลาไปถ่ายงานต่างประเทศเราก็มีโซเชียลคิดถึงมาก
มองหนทางตัวเองยังไง ?
จา : เราไปปักธง เราภูมิใจเรา ผมได้เห็นโลกภาพยนตร์เยอะมาก เราเก็บเกี่ยวประสบการณ์ เพราะฉะนั้นอะไรที่เราสามารถสร้างทีมในเมืองไทยได้ มันจะเกิดขึ้นได้



คลิปสัมภาษณ์ย้อนหลัง จา พนม

















