ญาติเหยื่อ"เมากร่าง"ขวางรถฉุกเฉินลั่นเอาเรื่องถึงที่สุด

2020-12-22 16:50:58

ญาติเหยื่อ"เมากร่าง"ขวางรถฉุกเฉินลั่นเอาเรื่องถึงที่สุด

Advertisement

ภรรยาพร้อมญาติ "เหยื่อเมากร่าง" ขวางรถฉุกเฉิน เข้ารับศพสามี ลั่นดำเนินคดีให้ถึงที่สุด


เมื่อวันที่ 22 ธ.ค. จากกรณีหนุ่มเมากร่างขับรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า อัลติส สีขาว หมายเลขทะเบียน 1กฎ 438 กรุงเทพมหานคร ปาดหน้าขวางรถพยาบาล รพ.สมุทรปราการ ระหว่างเดินทางไปรับผู้ป่วยอาการวิกฤต โดยคนขับเปิดกระจกกวักมือเรียกรถพยาบาลให้จอดข้างทางพร้อมต่อว่าเจ้าหน้าที่พยาบาลด้วยถ้อยคำหยาบคาย โดยอ้างว่าถูกขับจี้ และแคลงใจไม่มีผู้ป่วยอยู่ในรถ สุดท้ายช่วยผู้ป่วยไม่ทันเสียชีวิต ขณะที่ตำรวจที่เข้าตรวจสอบพบว่าชายคนดังกล่าวมีระดับแอลกอฮอล์สูงถึง 190 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ โดยเหตุเกิดที่ถนนสุขุมวิท ก่อนถึงซอยวิทยุการบิน ต.ท้ายบ้าน อ.เมือง จ.สมุทรปราการ


ล่าสุด นางณัฐฐินันท์ บริบูรณ์ อายุ 46 ภรรยาของผู้เสียชีวิต พร้อมด้วย นางสุริยันต์ ก้านบัว พี่สาวและญาติ ได้เดินทางมายังสถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ ขอรับศพ นายประชา เหยื่อเมากร่างขวางรถฉุกเฉินขณะไปช่วยชีวิตนายประชา ที่บ้านพักย่านสมุทรปราการ จนเสียชีวิตในเวลาต่อมา เพื่อนำไปบำเพ็ญกุลศทำพิธีทางศาลนาที่วัดสว่างอารมณ์ จ.เพชรบูรณ์ ท่ามกลางความโศกเศร้าของบรรดาญาติ โดย นางสุริยันต์ ก้านบัว พี่สาวของภรรยาผู้ตาย เปิดเผยว่า ตนเห็นนายประชา ช่วงเวลา 18.30-19.00 น. ตนกำลังจะออกไปทำงาน ส่วนนายประชา นั่งอยู่หน้าบ้าน แต่งตัวใส่เสื้อแจ๊คเกตแขนยาวสีดำจนแปลกตา ปกติ นายประชา เป็นคนแข็งแรง ไม่มีปัญหาสุขภาพ ส่วนเรื่องรถกู้ชีพที่ถูกคนเมาขับรถขวางนั้น ตนมองว่าเรื่องแบบนี้ไม่น่าเกิดขึ้น เพราะถ้าหากรถกู้ชีพมาถึงเร็ว ตนคิดว่านายประชา น่าจะได้รับการปั้มหัวใจจนช่วยเหลือได้ทัน แต่เหตุการณ์นี้รถกู้ชีพใช้เวลานานกว่าจะมาถึง เพิ่งมาทราบภายหลังว่ารถกู้ชีพถูกคนเมาขับรถขวางจนนายประชาเสียชีวิต ทั้งนี้ตนงรู้สึกเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น อยากบอกว่าเวลาแค่วินาทีเดียวก็มีค่ากับคนป่วย ตนเชื่อว่าคนป่วยอาจไม่เป็นอะไรหากไม่มีปัญหาระหว่างทาง จึงอยากเอาเรื่องคนก่อเหตุให้ถึงที่สุด ต่อไปจะได้ไม่มีปัญหาไปก่อเหตุกับใครอีก


ด้าน นางณัฐนันท์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังทำใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ เนื่องจากวันเกิดเหตุได้เรียกรถกู้ชีพให้มาช่วยชีวิตสามีที่มีอาการหายใจไม่ออก แต่รถกู้ชีพคันแรกมีอุปกรณ์ไม่เพียงพอจึงต้อรอรถกู้ชีพคันที่ 2 ซึ่งมีอุปกรณ์ครบครันให้มาช่วยเหลือ แต่ระหว่างทางกลับถูกคนเมาขับรถกีดขวางทำให้รถกู้ชีพเข้ามาล่าช้ากว่าปกติ จึงเชื่อว่ากรณีที่เกิดขึ้นทำให้สามีต้องเสียชีวิต พร้อมยืนยันว่าจะดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างถึงที่สุด พร้อมฝากไปถึงประชาชนท่านใดทีพบเห็นถถฉุกเฉินเปิดไซเรนวิ่งขอทาง ขอให้ช่วยเปิดทางเพราะไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยเหมือนกับครอบครัวของตนเองที่ต้องสูญเสียคนที่รักไปโดยไม่มีวันกลับ