"รมว.แรงงาน" สั่งเปิดปฏิบัติการเชิงรุกตรวจ "ต่างด้าว" สกัดโควิด ทุกโรงงานใน กทม.-ปริมณฑล
เมื่อวันที่ 21 ธ.ค. นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน กล่าวถายหลังร่วมประชุมเกี่ยวกับมาตรการป้องกันควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในกลุ่มแรงงาน ว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้จัดตั้งชุดเฉพาะกิจเข้าตรวจสถานประกอบการทั้งใน กทม.และปริมณฑล เพื่อตรวจแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานแบบผิดกฎหมาย รวมทั้งให้สำนักงานประกันสังคมร่วมมือกับสถานพยาบาลในเครือข่ายประกันสังคมในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร เพื่อบูรณาการทำงานเชิงรุกโดยจัดรถโมบาย และตู้ตรวจโรคไปตั้งยังสถานประกอบการ เพื่อคัดกรองลูกจ้างที่เข้าข่ายกลุ่มเสี่ยงต่อการสัมผัสเชื้อโควิด-19 เพื่อให้ทราบผลภายใน 3-4 ชั่วโมง โดยลูกจ้างไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการตรวจ และถ้าตรวจพบเชื้อก็จะส่งเข้ากระบวนการควบคุมดูแลตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด
นายสุชาติ ยังกล่าวถึงมาตรการเยียวยากลุ่มแรงงานที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการประกันสังคม มีมติเห็นชอบ โดยให้สำนักงานประกันสังคม ดำเนินการยกร่างกฎกระทรวง เรื่อง การรับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานเนื่องจากมีเหตุสุดวิสัยอันเกิดจากการระบาดของโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ พ.ศ. .... แก้ไขนิยาม "เหตุสุดวิสัย" หมายความรวมถึงภัยอันเกิดจากการระบาดของโรคติดต่ออันตราย ตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อซึ่งมีผลกระทบต่อสาธารณชน โดยรัฐบาลหรือหน่วยงานของรัฐสั่งปิดพื้นที่เพื่อป้องกันการระบาด ซึ่งส่งผลกระทบให้ลูกจ้างซึ่งเป็นผู้ประกันตนไม่ได้ทำงานและไม่ได้รับค่าจ้างในระหว่างนั้น ลูกจ้างจึงมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานในอัตราร้อยละ50 ของค่าจ้างรายวัน โดยให้ได้รับตลอดระยะเวลาที่รัฐบาลหรือหน่วยงานของรัฐสั่งปิดพื้นที่ ทั้งนี้ภายในระยะเวลาหนึ่งปีปฏิทินมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานเนื่องจากมีเหตุสุดวิสัยทุกครั้งรวมกันไม่เกิน 90 วัน โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 19 ธ.ค.เป็นต้นไป