"ชาวนากาฬสินธุ์" ฮึดสู้ภัยแล้ง ลงทุนวางท่อสูบน้ำจากก้นคลองหวังนำไปหล่อเลี้ยง "ข้าวนาปรัง"
เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกข้าวใน ต.บัวบาน, ต.นาเชือก, ต.ดอนสมบูรณ์ อ.ยางตลาด และ ต.ลำพาน ต.หลุบ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ เริ่มลงมือทำนาปรังกันแล้ว โดยมีการวางระบบท่อพร้อมติดตั้งเครื่องสูบน้ำ และทำการจ้างรถไถปรับพื้นที่นาปรัง กันอย่างคึกคัก โดย นายโสน ภูนาชัย อายุ 60 ปี ชาวบ้านหมู่ 19 บ้านตูม ต.บัวบาน อ.ยางตลาด กล่าวว่า พื้นที่นาอยู่ในเขตใช้น้ำชลประทานลำปาวหรือเขื่อนลำปาว ปีใดที่ปริมาณน้ำในเขื่อนลำปาวมีมาก ก็จะได้รับน้ำที่โครงการชลประทานระบายออกมาอย่างเต็มที่ ทำให้น้ำเข้าพื้นที่นาได้สะดวก แต่ฤดูกาลทำนาปรังปีนี้ปริมาณน้ำในเขื่อนมีน้อยและอยู่ในช่วงปิดการส่งน้ำเพื่อทำการซ่อมแซมคูคลอง เพื่อไม่ให้เสียโอกาสการทำนาปรัง ซึ่งเป็นอาชีพหลักของตน จึงให้สมาชิกในครัวเรือนช่วยกันวางท่อพร้อมติดตั้งเครื่องสูบน้ำ เพื่อสูบน้ำจากก้นคลองไส้ไก่เข้าพื้นที่นาปรัง พร้อมปรับหน้าดินในพื้นที่ทำนาให้ราบเสมอกัน เพื่อให้ต้นข้าวได้รับน้ำอย่างทั่วถึง สำหรับการทำนาปรัง ในครั้งนี้ ถือเป็นการลงทุนที่สูงมากพอสมควร เพราะต้องซื้อทั้งท่อพีวีซี ซื้น้ำมันสูบน้ำ และเสียค่าจ้างรถไถเพื่อปรับพื้นที่นา
นายโสน กล่าวอีกว่า ถึงแม้จะเสี่ยงกับฝนทิ้งช่วง และต้องเสี่ยงกับโรคระบาด แต่ก็จำเป็นต้องทำเพราะดีกว่าจะปล่อยพื้นที่นาทิ้งร้างซึ่งไม่เกิดมูลค่าใดๆ และเพื่อเป็นการลดขั้นตอนการทำนาและลดทุนการผลิต ตนจึงทำนาหว่าน ซึ่งช่วยประหยัดรายจ่ายกว่าทำนาดำ เพราะต้องจ้างแรงงานทั้งถอนกล้าและปักดำ โดยก่อนหว่านได้คลุกเมล็ดพันธุ์ข้าวกับสารอินทรีย์ชีวภาพเพื่อให้เมล็ดงอกเร็ว ต้นกล้าแข็งแรง เพลี้ย แมลง หรือศัตรูข้าวไม่รบกวน ต้นข้าวไม่ล้ม ซึ่งข้าวจะผสมเกสรอย่างเต็มที่ ได้รวงยาว เมล็ดโต น้ำหนักดี พร้อมคาดหวังว่าจะได้กำไรจากการขายข้าวเปลือกนาปรัง หลังจากที่เพื่อนบ้านและญาติที่เป็นชาวนาหลายคนขายข้าวนาปีขาดทุนเพราะราคาตกต่ำ แต่ถ้าหากแหล่งรับซื้อผลผลิตข้าวเปลือกให้ราคาอย่างน้อยตันละ 12,000 บาท ชาวนาก็ยังเสี่ยงกับการขาดทุน เพราะมีรายจ่ายหรือต้นทุนการผลิตหลายขั้นตอน ทั้งค่าเมล็ดพันธุ์ ค่ารถไถ ค่าสูบน้ำ ค่าขนส่ง แต่ถ้าหากรับซื้อตันละประมาณ 15,000 บาท ชาวนาก็พอจะมีกำไรจากการทำนาปรัง