"ธนาธร - ปิยบุตร" ลุยหาเสียงร้อยเอ็ดช่วย"สถาพร"ชิงนายก อบจ.

2020-12-17 18:35:46

"ธนาธร - ปิยบุตร" ลุยหาเสียงร้อยเอ็ดช่วย"สถาพร"ชิงนายก อบจ.

Advertisement

"ธนาธร - ปิยบุตร" ลุยหาเสียงร้อยเอ็ดช่วยผู้สมัครนายก อบจ. ชี้จัดงบในระบบรัฐรวมศูนย์เหมือนไอติมที่ถูกเลียเกือบหมดกว่าจะมาถึงท้องพิ่น ยัน "สถาพร" ตัวจริงฝ่ายประชาธิปไตย

เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า พร้อมด้วย นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า เดินทางไปยัง จ.ร้อยเอ็ด เพื่อร่วมรณรงคหาเสียงและขึ้นเวทีปราศรัยให้กับ นายสถาพร ว่องสัธนพงษ์ ผู้สมัครนายก อบจ. ร้อยเอ็ด เบอร์ 2 ที่บริเวณถนนคนเดิน จ.ร้อยเอ็ด


นายธนาธร กล่าวตอนหนึ่งว่า สาเหตุที่เราส่งผู้สมัครนายก อบจ. ถึง 42 จังหวัดก็เพราะว่า เราตั้งใจที่จะปฏิรูประบบรัฐราชการรวมศูนย์จากข้างล่างขึ้นข้างบน วันนี้ ทั้งอำนาจและงบประมาณถูกรวมศูนย์อยู่ที่รัฐส่วนกลาง ประชาชนจะทำอะไร ก็ต้องส่งเรื่องไปที่กรุงเทพฯ กว่าจะได้งบประมาณ กว่าจะได้โครงการการแต่ละอย่างนั้นใช้เวลานานกว่าจะได้รับการอนุมัติ เมื่ออำนาจและงบประมาณอยู่ที่ กทม.ทำให้อำนาจและงบประมาณอยู่ห่างไกลจากประชาชน

"ผมอยากเปรียบเทียบงบประมาณคือไอศกรีม กว่าที่ไอศกรีมจะถูกส่งมาจากกรุงเทพฯ ไปถึงมือประชาชนนั้นใช้เวลายาวนานมากเพราะมันไกล ระหว่างทางมีนายหน้าเลียกันคนละทีสองที กว่าจะมาถึงพี่น้องประชาชนไอติมมันหมดเหลือแต่แท่ง แต่สิ่งที่เราจะทำในการส่งผู้สมัครท้าชิงนายก อบจ. ก็เพราะว่า เราต้องการส่งเสียงจากข้างล่างขึ้นข้างบน ว่าเราไม่เอาอีกแล้วกับรัฐที่กดทับคุณภาพชีวิตของประชาชน ทุกวันนี้มีไอเดียคิดแก้ปัญหาเรื่องอะไรออก ก็ต้องไปของบประมาณขอใบอนุญาตจากส่วนกลางที่กรุงเทพฯ มันทำให้ความคิดสร้างสรรค์ ทำให้ศักยภาพในการพัฒนาประเทศทั้งประเทศ เกิดคอขวดอยู่ในรัฐราชการ ถ้าเราปฏิรูปรัฐราชการไม่ได้ ถ้าเรากระจายอำนาจไม่ได้ ไม่มีทางที่ประเทศนี้จะพัฒนาต่อไปได้ ไม่มีทางที่จะลดความเหลื่อมล้ำระหว่างเมืองกับชนบทได้เลย" นายธนาธร กล่าว  


ด้าน นายปิยบุตร กล่าวว่า สำหรับนายสถาพรนั้น พี่น้องหลายคนได้ตั้งข้อสงสัยถึงกรณีที่พ่อของนายสถาพรเคยลงสมัคร ส.ส.ในนามพรรคพลังประชารัฐ ว่าจะไว้ใจได้หรือไม่ว่าจะอยู่กับฝ่ายประชาธิปไตย ประเด็นนี้ตนขอให้ความกระจ่าง ว่านายสถาพรเป็นบุคคลที่เข้ามาอยู่กับพรรคอนาคตใหม่ตั้งแต่แรก ตั้งแต่ก่อนจดจัดตั้งเป็นพรรคเสียด้วยซ้ำ และได้แสดงความประสงค์ชัดเจนว่าอยากร่วมงานกับเราในฐานะผู้สมัคร ส.ส.ร้อยเอ็ด แต่บังเอิญว่าเมื่อถึงการเลือกตั้ง ส.ส.ปีก่อน พ่อของนายสถาพรได้ตัดสินใจไปลงสมัครในนามของพรรคพลังประชารัฐ ทำให้นายสถาพรอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออก แต่สำหรับตัวนายสภาพรเองส่วนตัวมีความคิดจุดยืนเป็นฝ่ายประชาธิปไตย ไม่เอาด้วยกับการสืบทอดอำนาจ ไม่เอาด้วยกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชามาแต่ต้น และมั่นคงแน่วแน่ในเส้นทางนี้มาตลอด ร่วมงานกับเรามาตลอดในสมัยยังเป็นพรรคอนาคตใหม่จนมาเป็นคณะก้าวหน้า เมื่อเราเปิดรับสมัครผู้สมัครลงนายก อบจ. นายสถาพรก็เข้ามาสมัคร เข้ากระบวนการคัดกรอง เราสัมภาษณ์ เราสำรวจตรวจสอบจนชัดเจนแล้ว จึงรับรองให้เป็นผู้สมัครของเรา

"นี่คือสิ่งที่คณะก้าวหน้ายืนยันมาตลอด ว่าผู้สมัครของเราต้องไม่ใช่แค่เป็นคนรุ่นใหม่ มีวิสัยทัศน์เท่านั้น แต่ต้องมีจุดยืนอยู่กับฝ่ายประชาธิปไตยด้วย เก่งมาจากไหนแต่ถ้าไม่มีจุดยืนประชาธิปไตย ไปจูบปากร่วมมือกับ พล.อ.ประยุทธ์ ไปสนับสนุนการสืบทอดอำนาจ เราไม่เอามาเป็นผู้สมัครของคณะก้าวหน้าเด็ดขาด และสำหรับจังหวัดร้อยเอ็ด อยู่แถวหน้าของการต่อสู้ในฝ่ายประชาธิปไตยมาโดยตลอด และเลือกพรรคการเมืองพรรคหนึ่งมาโดยตลอดทั้งในระดับชาติและในระดับท้องถิ่น หลายท่านที่ได้เคยร่วมงานเจอะเจอกันในสภาก็ให้ความเคารพนับถือกันมาตลอด แต่อย่างไรตนต้องพูดต้องขอกันตรงๆ แบบไม่อ้อมค้อมว่า อยากขอโอกาสจากพี่น้องชาวร้อยเอ็ดสักครั้ง อยากให้พี่น้องช่วยกันกาคนใหม่ กาพวกเราหน้าใหม่ๆ เข้าไปทำงานให้คนร้อยเอ็ดบ้าง และถ้าพี่น้องจะกังวลว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตยหรือไม่ หน้าอย่างตน หน้าอย่างนายธนาธร หน้าอย่างพวกเราการันตีอยู่แล้วว่าอยู่ตรงข้ามกับ พล.อ.ประยุทธ์และ คสช. และที่พวกเราโดนคดีตัดสิทธิอย่างทุกวันนี้ก็เพราะเราอยู่ฝ่ายประชาธิปไตย" นายปิยบุตร กล่าว