กระทรวงการคลังสหรัฐอเมริกา เผยรายงานทุกครึ่งปี ครั้งล่าสุด ที่ล่าช้ามานาน เมื่อวันพุธ รายชื่อประเทศบิดเบือนอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งสร้างความเสียหายแก่สหรัฐ ได้แก่ สวิตเซอร์แลนด์ และเวียดนาม ส่วนไทยที่ถูกคาดการณ์ว่าอาจจะติดโผ ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มประเทศต้องเฝ้าจับตา
แถลงการณ์ของกระทรวงการคลังสหรัฐ กล่าวว่า ในช่วงครึ่งปีจนถึงสิ้นเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา สวิตเซอร์แลนด์และเวียดนาม แทรกแซงตลาดเงินตรา เพื่อป้องกันการปรับดุลการชำระเงิน ที่มีประสิทธิภาพ นอกจากนั้น เวียดนามยังกระทำการ เพื่อให้ได้เปรียบ ในการแข่งขันทางการค้าระหว่างประเทศ อย่างไม่เป็นธรรมอีกด้วย
กระทรวงการคลังสหรัฐ ขึ้นบัญชี 3 ประเทศและเขตดินแดน ในกลุ่ม “ต้องเฝ้าจับ” ประกอบด้วย ไต้หวัน ไทย และอินเดีย โดยจะอยู่ในกลุ่มเดียวกับอีก 7 ประเทศ ที่ถูกขึ้นบัญชีก่อนหน้านี้แล้ว ประกอบด้วย จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เยอรมนี อิตาลี สิงคโปร์ และมาเลเซีย
ประเทศที่จะถูกขึ้นบัญชีบิดเบือนค่าเงิน ตามเกณฑ์ของกระทรวงการคลังสหรัฐ จะต้อง 1.ได้เปรียบดุลการค้าทวิภาคีกับสหรัฐ เกิน 20,000 ล้านดอลลาร์ หรือ 600,290 ล้านบาท) 2. การแทรกแซงค่าเงินต่างประเทศ สูงกว่า 2 % ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือ จีดีพี และ 3. บัญชีเดินสะพัดเกินดุล มากกว่า 2 % ของจีดีพี
แบรด เซตเซอร์ อดีตนักเศรษฐศาสตร์กระทรวงการคลังสหรัฐ และนักวิจัยสภาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ทำการวิเคราะห์ข้อมูล ตามเกณฑ์ของกระทรวงการคลัง ทุก 3 เดือนพบว่า เวียดนาม ไทย และสวิตเซอร์แลนด์ เกินเกณฑ์ที่กระทรวงฯ กำหนด ในช่วงไตรมาส 1 และ 2 ของปี พ.ศ. 2563 ส่วนไต้หวันเข้าเกณฑ์ทั้ง 3 ข้อ ในช่วงไตรมาส 2 แต่เกือบเข้าเกณฑ์แทรกแซงอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้
ไม่มีการลงโทษโดยอัตโนมัติ สำหรับประเทศที่ถูกสหรัฐขึ้นบัญชีบิดเบือนค่าเงิน แต่กฎหมายของสหรัฐกำหนดให้รัฐบาลวอชิงตัน เรียกร้องให้มีการเจรจา กับประเทศใดก็ได้ที่ถูกขึ้นบัญชี ขณะที่นายวิน ทิน ผู้อำนวยการแผนกกลยุทธ์การเทรด บริษัท บีบีเอช ในนครนิวยอร์ก สหรัฐ ให้ความเห็นว่า รายงานนี้มีมูลเหตุทางการเมืองล้วนๆ ของรัฐบาลภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และการดำเนินการใดๆ โดยรัฐมนตรีคลังคนปัจจุบันของสหรัฐ สามารถพลิกกลับได้โดยง่ายดาย เมื่อรัฐมนตรีคลังคนใหม่เข้ารับตำแหน่ง
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า แม้ว่าที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ ที่เตรียมเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่ง ผู้นำประเทศมหาอำนาจหมายเลข 1 ของโลก อย่างเป็นทางการ ในวันที่ 20 ม.ค.ที่จะถึง จะเลือกดำเนินนโยบายเผชิญหน้าด้านการค้าน้อยลง กับกลุ่มประเทศพันธมิตรของสหรัฐ แต่ทำเนียบขาวจะพบกับความยากลำบากทางการเมือง หากจะกลับลำนโยบายขึ้นบัญชีดำกลุ่มประเทศบิดเบือนค่าเงิน ที่รัฐบาลชุดปัจจุบันประกาศไว้ ในทันที.