“สารี” โต้นักวิชาการกล่าวหา "มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค - นิตยสารฉลาดซื้อ" มีผลประโยชน์แอบแฝง หลังตีข่าวผลตรวจวิตามินซี แจงยิบมาตรฐานการตรวจวิเคราะห์เป็นการคุ้มครองผู้บริโภค ไม่เคยรับเงินบริษัท
เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. น.ส.สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวว่า จากกรณีที่ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ระบุในทำนองว่า มีบางกลุ่มทดสอบแล้วไม่ให้ความเป็นธรรมกับการตรวจวิตามินซีบางยี่ห้อ หรือ การตรวจมีเบื้องหลังหรือไม่ ดูย้อนแย้งและมีพิรุธ ชอบกล นั้น หากใครอ่านก็จะทราบทันทีว่า เป็นการพูดถึงการทดสอบของนิตยสารฉลาดซื้อ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ที่เพิ่งเผยแพร่ผลการทดสอบไปเมื่อวันที่ 15 ธ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าเป็นการกล่าวหา ดูหมิ่น และไม่ให้ความเป็นธรรมกับนิตยสารฉลาดซื้อ และมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคที่ทำงานทดสอบ เปรียบเทียบข้อมูลผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพื่อเป็นข้อมูลให้ผู้บริโภคใช้ในการเลือกซื้อมาไม่น้อยกว่า 27 ปี ดังนั้นตนอยากให้อาจารย์ท่านนั้นกลับไปฟังการแถลงข่าวซึ่งมีรายละเอียดอย่างชัดเจน
น.ส.สารี กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ตนขอชี้แจงกระบวนการทดสอบอาหารเครื่องดื่มผสมสิตามินซี ของฉลาดซื้อฯ นั้น ได้มีการสุ่มตัวอย่างในเดือน พ.ย.63 จำนวน 47 ตัวอย่าง จากทุกยี่ห้อเท่าที่จะหาซื้อได้ในท้องตลาดในช่วงเวลาที่กำหนด โดยมีหลักฐานจ่ายเงินเหมือนผู้บริโภคที่ซื้อสินค้าเหล่านี้ จากนั้นได้ส่งตัวอย่างผลิตภัณฑ์ไปทดสอบในห้องทดลองของมหาวิทยาลัย หรือห้องทดสอบเอกชนระดับมาตรฐาน ISO 17025 เมื่อทราบผลแล้วจะมีการนำเสนอให้ประชาชนทราบ และเสนอต่อสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เพื่อพิจารณาหามาตรการนำไปสู่การแก้ไขปรับปรุง เพื่อเป็นการคุ้มครองประชาชนผู้บริโภคต่อไป
“ที่ผ่านมาการวางแผนในการตรวจสอบผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่จำหน่ายในเมืองไทยจะมีคณะทำงานที่มีผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการในด้านต่างๆ มาประชุม และวางแผนร่วมกันทั้งในแง่ของตัวผลิตภัณฑ์ ตลอดจนการออกแบบวิธีการทดสอบ เน้นหลักความเป็นกลาง ไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง ใช้การสุ่มซื้อสินค้าที่มีการจำหน่ายจากร้านค้าจริงทั่วไปและออนไลน์เหมือนผู้บริโภคซื้อสินค้า และยืนยันว่า ทำงานทดสอบและเผยแพร่ข้อมูลผ่านนิตยสารฉลาดซื้อ ซึ่งเป็นสื่อสาธารณะที่ไม่รับโฆษณาจากบริษัทต่าง ๆ เพื่อทำให้สามารถรักษาผลประโยชน์สาธารณะได้อย่างตรงไปตรงมา” น.ส.สารี กล่าว
ส่วนข้อกล่าวหาเรื่องผลการทดสอบมาตรฐานกระทะนั้น น.ส.สารี ชี้แจงว่าขณะนี้ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคได้ดำเนินการฟ้องร้องและขณะนี้ศาลรับพิจารณาคดี เป็นคดีแบบกลุ่มแล้ว และให้จำเลยอุทธรณ์ภายใน 20 วัน โดยครบกำหนดอุทธรณ์วันที่ 9 พ.ย. 2563 แต่จำเลยขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ครั้งที่ 2 โดยขยายถึงวันที่ 25 ธ.ค.2563.