ยุโรปใกล้ได้วัคซีนต้านโควิด-19 คาดประชุมอนุมัติใช้วัคซีนกันในสัปดาห์นี้ ขณะที่หลายประเทศในยุโรป ทั้งฝรั่งเศส เยอรมนี อังกฤษ อิตาลีและเนเธอร์แลนด์ กลับเจ้าสู่ล็อคดาวน์ประเทศครั้งใหม่เข้มข้นกว่าเดิม เพื่อคุมเข้มการระบาดของไวรัสโควิด-19
ชาวยุโรป มีกำหนดเริ่มรับวัคซีนก่อนปีใหม่นี้ หลังสำนักงานการแพทย์ยุโรป หรืออีเอ็มเอ (EMA)เร่งกระบวนการอนุมัติแล้ว ตามหลังการเริ่มฉีดวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกันในสหรัฐและอังกฤษ โดยอีเอ็มเอ แถลงว่า คณะผู้เชี่ยวชาญ จะประชุมกันในวันจันทร์ที่ 21 ธันวาคมนี้ เพื่อพิจารณาวัคซีนต้านโควิด-19 ของไฟเซอร์ บริษัทยายักษ์ใหญ่ของสหรัฐ ที่พัฒนาร่วมกับ ไบโอเอ็นเทค แต่ก่อนหน้านี้ มีข่าวว่า การรปะชุมอาจจัดขึ้นอย่างช้าสุดในวันที่ 29 ธันวาคมนี้
อีเอ็มเอ แถลงว่า การประชุมของผู้เชี่ยวชาญจะมีขึ้นหลังหลายบริษัทได้มอบข้อมูลเพิ่มเติมตามที่ต้องการ และคณะกรรมาธิการอียู จะเร่งกระบวนการอนุมัติ “ภายในไม่กี่วันนี้”
ฝรั่งเศสกลับมาใช้มาตรการล็อคดาวน์ประเทศรอบ 2 พร้อมกับการประกาศใช้เคอร์ฟิวในเวลากลางคืน โดยประชาชนจะไม่สามารถออกนอกบ้านระหว่างเวลา 20.00 น. จนถึง 06.00 น. โดยไม่ได้รับอนุญาต อย่างไรก็ตาม จะได้รับการยกเว้นในช่วงคริสต์มาส อีฟ แต่กฎเกณฑ์นี้จะยังคงบังคับใช้ในช่วงก่อนเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ บาร์และร้านอาหารต่าง ๆ จะยังคงปิดให้บริการไปจนถึงอย่างน้อยในวันที่ 20 มกราคม
จำนวนประชาชนในฝรั่งศสที่เสียชีวิตจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ โควิด-19 เพิ่มขึ้นอีก 790 รายในวันอังคาร รวมทั่วประเทศอยู่ที่ 59,072 ราย แต่เนื่องจากอัตราการติดเชื้อรายวันเพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่าจากเป้าหมายที่กำหนดไว้ 5,000 รายต่อวัน จึงมีการประกาศเคอร์ฟิวในเวลากลางคืนและตั้งจุดตรวจอย่างเข้มข้นด้วย
ขณะที่ เยอรมนี ประเทศเพื่อนบ้าน ก็ประกาศใช้ล็อคดาวน์ในช่วงเทศกาลคริสต์มาสเริ่มวันพุธนี้ หลังการติดเชื้อพุ่งสูงทำสถิติ ร้านค้าที่ไม่จำเป็น จะปิดให้บริการทั่วประเทศ เช่นเดียวกับ โรงเรียน เด็ก ๆ ต้องอยู่กับบ้านในทุกพื้นที่มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ร้านอาหาร, บาร์และศูนย์สันทนาการต่าง ๆ ปิดไปก่อนหน้านี้เรียบร้อยแล้วตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน
นายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิล ผู้นำเยอรมนี กล่าวโทษว่าการช้อปปิ้งในช่วงเทศกาลคริสต์มาสทำให้มีการติดต่อทางสังคมเพิ่มมากขึ้น
มาตรการล็อคดาวน์ครั้งใหม่จะเริ่มจากวันที่ 16 ธันวาคม ถึง 10 มกราคม แต่ก็จะมีการผ่อนปรนบ้างจากวันที่ 24-26 ธันวาคม ซึ่งในช่วงเวลานี้ หนึ่งครอบครัวจะสามารถเชิญญาติสนิทจากอีกครอบครัวมาร่วมสังสรรค์ได้สูงสุด 4 คน อย่างไรก็ตาม โลธาร์ ไวเลอร์ ผู้อำนวยการสถาบันโรแบร์ท ค็อค (Robert Koch Institute) หรือ RKI ซึ่งเป็นหน่วยงานการวิจัยป้องกันและควบคุมโรคของเยอรมนี กล่าวว่า สถานการณ์ดูเหมือนจะเลวร้ายลงในช่วงคริสต์มาส ก่อนที่จะค่อย ๆ ดีขึ้น
ขณะนี้ โรงพยาบาลในเยอรมนีใกล้ถึงขีดจำกันในการรับมือผู้ป่วยรุนแรงจากโควิด-19 แล้ว ซึ่งจำนวนผู้ป่วยหนักในห้องไอซียู ทำสถิติสูงสุดในช่วงหลายวันมานี้ เช่นเดียวกับจำนวนผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตที่เพิ่มสูงขึ้น
ส่วนนายเยนส์ สปาห์น รัฐมนตรีสาธารณสุขของเยอรมนี แถลงวันอังคารว่า เขาหวังว่า วัคซีนโควิด-19 จะได้รับการอนุมัติใช้ในสหภาพยุโรป หรืออียู ก่อนช่วงเทศกาลคริสต์มาสนี้ และว่า การฉีดวัคซีนเข็มแรก สามารถเริ่มได้ก่อนสิ้นปีนี้แน่นอน เขามีความคิดเห็นในแง่ดีว่า สำนักงานการแพทย์ยุโรป หรืออีเอ็มเอ (EMA) จะอนุมัติวัคซีนโควิด-19 ที่พัฒนาโดยบริษัทไฟเซอร์และไบโอเอ็นเทคในวันที่ 23 ธันวาคมนี้ แต่การที่ผู้อำนวยการอาร์เคไอ ออกมาย้ำถึงความเลวร้ายของสถานการณ์โควิดในปัจจุบัน ซึ่งสวนทางกับข่าวดีเรื่องวัคซีน
ส่วนในประเทศอื่น ๆ เนเธอร์แลนด์ประกาศล็อคดาวน์ประเทศ 5 สัปดาห์ ซึ่งเป็นมาตรการที่เข้มงวดที่สุดที่กำหนดใช้ในประเทศนี้ ตั้งแต่ไวรัสโควิด-19 เริ่มระบาด โดยร้านค้าที่ไม่จำเป็น, โรงภาพยนตร์, ร้านตัดผมและโรงยิม ปิดให้บริการทั้งหมด และโรงเรียนก็จะปฏิบัติตามกฎเกณฑ์นี้ด้วยในวันพุธ ขณะที่ ประชาชนก็ได้รับแจ้งหยุดเดินทางไปต่างประเทศที่ไม่จำเป็นจนถึงกลางเดือนมีนาคม แต่มาตรการคุมเข้มจะผ่อนคลายเล็กน้อยเป็นเวลา 3 วันในช่วงคริสต์มาส ซึ่งครอบครัวชาวดัทช์ได้รับอนุญาตให้มีแขกได้ 3 คน เพิ่มจาก 2 คน
ในสหราชอาณาจักร กรุงลอนดอน เข้าสู่มาตรการล็อคดาวน์ระดับสูงสุดในประเทศในวันพุธนี้ ผับและร้านอาหารต้องปิด ยกเว้นซื้อกลับบ้านและบริการส่งถึงบ้าน และสถานบันเทิงในร่ม เช่นโรงละคร, สนามแข่งโบว์ลิ่ง และโรงภาพยนตร์ ปิดให้บริการ ขณะเดียวกัน ตัวเลขผู้เสียชีวิตรายวันในอิตาลี ยังสูงเกือบ 500 ราย และรัฐบาลกำลังพิจารณาที่จะประกาศใช้มาตรการคุมเข้มเพิ่มเติมในช่วงเทศกาลคริสต์มาส ส่วนรายละเอียดที่แท้จริงยังไม่มีความชัดเจน แต่มาตรการล็อคดาวน์ครั้งใหม่ อาจเกิดขึ้นระหว่างคืนวันคริสต์มาสและปีใหม่
นายกรัฐมนตรีจุสเซปเป คอนเต ของอิตาลี ระบุว่า มาตรการล็อคดาวน์ครั้งนี้ถือเป็นภาวะบีบคั้นครั้งใหม่