เลขาธิการ สปสช. นำผู้บริหาร บุคลากร ร่วมไว้อาลัย “หมอมงคล” ชี้ผลงานประจักษ์ สร้างคุณูปการกองทุนบัตรทอง ประกาศ CL ยา สิทธิประโยชน์ไตวายเรื้อรัง ยกเลิกจัดเก็บ 30 บาท
เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. ที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) พร้อมด้วย นพ.จักรกริช โง้วศิริ รองเลขาธิการ สปสช. และ นพ.สินชัย ต่อวัฒนกิจกุล ผู้ช่วยเลขาธิการ สปสช. ได้นำคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ สปสช. ร่วมพิธีแสดงความอาลัย นพ.มงคล ณ สงขลา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และอดีตประธานกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ซึ่งได้ถึงแก่อนิจกรรม เมื่อวันที่ 11 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยได้วางพวงมาลัยและร่วมยืนสงบนิ่ง 1 นาที พร้อมกันนี้ สปสช. 13 ทั้งเขต ยังได้จัดพิธีแสดงความอาลัยเช่นเดียวกัน
นพ.ศักดิ์ชัย กล่าวว่า นพ.มงคล นับเป็นปูชนียบุคคลต่อระบบสาธารณสุขของประเทศไทยอย่างยิ่ง นอกจากเป็นหนึ่งในคณะบุคคลที่ได้ร่วมผลักดันหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สิทธิบัตรทอง) ยังเป็นผู้ดำเนินการผลักดันหลายนโยบายที่สำคัญของระบบบัตรทองในช่วงดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขจนประสบผลสำเร็จอย่างที่ปรากฎในปัจจุบัน ทำให้ผู้ป่วยจำนวนมากได้รับการดูแลและเข้าถึงการรักษาตามมาตรฐานได้อย่างครอบคลุมและทั่วถึง ช่วยลดอัตราการเสียชีวิตอย่างมาก และที่สำคัญช่วยลดภาวะล้มละลายของครัวเรือนจากภาระหนี้สินค่ารักษาพยาบาล โดยเฉพาะจากโรคค่าใช้จ่ายสูง
ผลงานชิ้นสำคัญของ นพ.มงคล ไม่กล่าวถึงคงไม่ได้คือการช่วยให้ผู้ป่วยเข้าถึงยาที่จำเป็นจากนโยบายประกาศสิทธิบัตรเหนือสิทธิบัตรยา (CL ยา) ปี 2549 เริ่มจากยาเอฟฟาไวเรนซ์ (Effavirenz) ยาต้านไวรัสสูตรพื้นฐานที่ใช้รักษาการติดเชื้อเอชไอวี ช่วยลดปริมาณเชื้อเอชไอวีในร่างกายต่อมาช่วงต้นปี 2550 ได้ประกาศ CL ยาเพิ่มเติมอีก 2 รายการ คือ ยาโคลพิโดเกรล (Clopidogrel) ยาละลายลิ่มเลือดใช้รักษาและป้องกันการอุดตันในเส้นเลือดแดงที่ไปเลี้ยงสมองและหัวใจ และยาสูตรผสมระหว่างโลพินาเวียร์และริโทนาเวียร์ (Lopinavir & Ritonavir) ยาสำหรับผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยโรคเอดส์ที่ดื้อยาสูตรพื้นฐาน นอกจากนี้ต่อมายังมีการประกาศ CL ยามะเร็งที่เป็นรู้กันดีว่าเป็นยาที่แพงมาก ทำให้ผู้ป่วยมะเร็งเข้าถึงการรักษา
ขณะที่โรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย เป็นอีกหนึ่งผลงานเด่นชัดเจน ในอดีตเรามีผู้ป่วยไตวายเรื้อรังจำนวนไม่น้อยที่ต้องเสียชีวิตลง ด้วยค่าฟอกไตที่ต้องเข้าบำบัด 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต ประมาณครั้งละ 2,000 - 3,000 บาท ขณะเดียวกันหลายครอบครัวต้องล้มละลายจากการกู้หนี้ยืมสินนี้ แต่ช่วงที่ปลายปี 2550 จากที่ นพ.มงคล ได้ผลักดันให้การดูแลผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายบรรจุเป็นสิทธิประโยขน์บัตรทองสำเร็จ ครอบคลุมทั้งการล้างไตผ่านช่องทาง การฟอกไต และการผ่าตัดปลูกถ่ายไต เป็นต้น โดยได้รับการอนุมติจากคณะรัฐมนตรีแม้ว่าจะมีข้อทักท้วงในประเด็นความกังวลต่อภาระงบประมาณประเทศก็ตาม ส่งผลขณะนี้มีผู้ป่วยไตวายเรื้อรังกว่า 6 หมื่นคน เข้าถึงการบำบัดรักษา
นพ.ศักดิ์ชัย กล่าวว่า นอกจากนี้ นพ.มงคล ยังได้ดำเนินการยกเลิกการจัดเก็บ 30 บาท ในการเข้ารับบริการในระบบบัตรทอง ด้วยมองว่าแม้เป็นเงินจำนวนน้อยแต่ก็เป็นอุปสรรคที่ทำให้คนส่วนหนึ่งที่มีรายได้น้อยเข้าไม่ถึงการรักษา ขณะที่เงินที่ได้จากการจัดเก็บดังกล่าวรวมเป็นเม็ดเงินที่ไม่มาก โดยโรงพยาบาลต่างได้รับงบประมาณจากบัตรทองอยู่แล้ว จึงเห็นควรให้มีการยกเลิกการเก็บเงินผู้ป่วยนี้ไป ในวันนี้ชาว สปสช. ขอร่วมรำลึกคุณงามความดีของ นพ.มงคล ผลงานข้างต้นนี้เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่ง คุณประโยชน์ต่างๆ ที่ท่านได้ทำไว้นับเป็นคุณูปการต่อระบบสาธารณสุข ต่อระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หลายนโยบายที่ท่านได้สร้างไว้ วันนี้ได้ออกดอกผลิบานแล้ว ทำให้ประชาชนเข้าถึงการรักษาอย่างครอบคลุมและทั่วถึง